MahaSahasrara Puja, The Start of a New Era

Château de Mesnières, Rouen (France)

Feedback
Share
Upload transcript or translation for this talk

MahaSahasrara Puja. Château Mesnières, Rouen (France), 5 May 1984.

สำหรับแม่ของเธอแล้ว นับเป็นสิ่งน่าอัศจรรย์อย่างยิ่งที่ได้เห็นสหจะโยคีที่ดีงามมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากในสหัสราระบูชาครั้งนี้ แม่คิดว่ายุคแรกของสหจะโยคะได้ปิดฉากลง และยุคใหม่ของสหจะโยคะได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

ในยุคแรกของสหจะโยคะจุดเริ่มต้นคือการเปิดจักรสหัสราระเสียก่อนและจากนั้นจึงค่อยๆ ผ่านกระบวนการพัฒนาตนเองให้สมบูรณ์ขึ้น ในวันนี้แม่มองเห็นสหจะโยคีที่ยิ่งใหญ่หลายคนด้วยกัน พวกเธอทั้งหลายได้ผ่านกระบวนการพัฒนาตนเองเพื่อเติบโตขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ในยุคแรกของสหจะโยคะเป็นเพียงการปลุกพลังกุณฑลินีให้ตื่นขึ้นและพุ่งผ่านบริเวณกระหม่อมบนศีรษะ เธอจะพบว่าบริเวณเหนือกระหม่อมของเรามีบันดันเช่นเดียวกับภายในศีรษะของเรา นอกจากนี้ในจักรสหัสราระยังเป็นที่สถิตของจักรต่างๆ เช่นเดียวกับจักรที่อยู่ในระบบกายละเอียดของเรา ดังนั้นในยุคแรกของสหจะโยคะเราได้ปลุกเทพประจำจักรทั้งใน Medula Blancheta และในสมองของพวกเธอให้ตื่นขึ้น แต่ในยุคปัจจุบันถึงเวลาแล้วที่จะขยายผลการตระหนักรู้นี้ออกไปในวงกว้างยิ่งขึ้น ซึ่งในการนี้เราควรจะต้องเข้าใจวิธีการกันก่อน

เช่นเดียวกับสีทั้งเจ็ดของสายรุ้ง แสงสว่างจากจักรต่างๆ ก็มีเจ็ดสี เราเริ่มจากด้านหลังตามแนวกระดูกสันหลังที่จักรมูลาธาระขึ้นมาถึงจักรที่หกทางด้านนี้ — อากญ่า หลังจากนั้นจักรทั้งหมดจะถูกจัดวางในตำแหน่งที่แตกต่างกันบนสหัสราระ ถ้าหากว่าเธอสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน แม่ตั้งใจจะพูดว่าเพราะในจักรสหัสราระนี้เป็นตำแหน่งที่ทดแทนแบบเว้าเข้าไปข้างใน เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องเข้าใจว่าศูนย์กลางของกระหม่อมเชื่อมโยงกับจักรหัวใจ

ดังนั้นหัวใจเป็นแกนกลางของยุคที่ ๒ ของสหจะโยคะ แม่หวังว่าทุกคนคงจะเข้าใจที่แม่พูด ถ้าเราจะต้องตั้งสติไว้ที่สหัสราระสิ่งแรกที่เธอต้องทำคือการใส่ใจกับหัวใจของเราก่อน ในสหัสราระจักรหัวใจและหัวใจหรืออัตมา (Atma) จะเข้าไปข้างใน นั่นหมายความว่าพระแม่จะกะดัมบา (ชคทมฺพา) กลายเป็นหนึ่งเดียวกับหัวใจ และนั่นคือหัวใจ

ดังนั้นเราจะเห็นว่าการรวมเป็นหนึ่งเกิดขึ้นที่นี่ ในขณะนี้ สำคัญมากที่เราจะต้องรู้ว่าเราต้องก้าวสูงขึ้นไปด้วยก้าวที่ใหญ่ขึ้นกว่าที่เคยผ่านมา สหัสราระเคลื่อนที่ตามเข็มนาฬิกาเช่นเดียวกับจักรอื่นๆ ซึ่งส่องแสงสว่างออกมาโดยมีหัวใจเป็นแกนกลาง ดังนั้น แก่นแท้ของศาสนาทุกศาสนา และแก่นแท้ของศาสดาและนักบุญทั้งหลาย จึงได้แก่ความเมตตากรุณาอันเป็นคุณสมบัติหลักของจักรหัวใจ

เราจึงต้องเข้าใจว่าในยุคที่ ๒ ของสหจะโยคะเราต้องมีความเมตตากรุณา นี่คือการแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมของความเมตตากรุณา ถ้าไม่ใช่ด้วยความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้าพระองค์คงไม่สร้างจักรวาลอันยิ่งใหญ่นี้ขึ้นมา แท้จริงแล้วพลังอำนาจของพระองค์หรืออาทิศักติ (Adi Shakti) คือการแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมของความเมตตากรุณาแห่งพระผู้เป็นเจ้านั่นเอง และความเมตตากรุณานี้ได้มอบวิวัฒนาการให้แก่มนุษย์หรือแม้แต่การปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระของเธอในฐานะสหจะโยคี และความเมตตากรุณาจะถูกห่อหุ้มด้วยการอภัย

เธอจะเห็นว่าตรีเอกานุภาพ (Trinity) มาบรรจบกันตรงนี้
พระบุตรแห่งพระเจ้า คือ การให้อภัย คือการแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมของการให้อภัย
พระบิดา คือ การเป็นประจักษ์พยาน
พระมารดา คือ ความเมตตากรุณา
และพระบุตร คือ การให้อภัย ทั้งสามบรรจบกันที่จักรหัวใจที่สถิตอยู่ในจักรสหัสราระ

พวกเธอทุกคนต้องเรียนรู้ที่พัฒนาจักรสหัสราระ พวกเธอรู้จักเทพประจำจักรสหัสราระดีอยู่แล้ว ตำแหน่งของสหัสราระไม่ได้อยู่ที่ศีรษะตามที่เธอเข้าใจเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นศูนย์กลางของจักรวาลนี้ทั้งหมด

ถ้าจะพัฒนาจักรสหัสราระ เธอต้องตั้งสติที่จักรหัวใจ ณ บริเวณกระหม่อมบนศีรษะ และอัญเชิญเทวีประจำจักรให้เข้ามาประทับอยู่ตรงนั้น อย่างไรก็ตามเทวีองค์นี้จะต้องเข้ามาประทับในหัวใจของเธอเสียก่อน

ปัจจุบันพวกเธอช่างโชคดีที่เทวีมาปรากฏอยู่ต่อหน้าเธอแล้ว ก่อนการอวตารของแม่ บรรดาผู้คนที่ได้รับการรู้แจ้งต้องใช้จินตนาการในการนึกถึงท่าน แต่ลำพังจินตนาการไม่สามารถจะให้ภาพที่สมบูรณ์ได้ อย่างที่แม่บอกว่าเทวีประจำสหัสราระคือมหามายา (ภาพลวงตาที่ยิ่งใหญ่ : ผู้แปล) ถ้าพวกเธอสามารถเห็นมหามายาในรูปมนุษย์ เธออาจมีความจงรักภักดีต่อท่านอย่างสมบูรณ์แบบเพราะมหามายาศักตินั้นยิ่งใหญ่เหนือพ้นขอบเขตของจินตนาการของมนุษย์ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราต้องปล่อยวางให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (surrender) ด้วยข้อจำกัดของสมองมนุษย์และขีดจำกัดของจินตนาการ เธอไม่สามารถจะมองเห็นท่านได้ มีเพียงหนทางเดียวที่เธอจะสามารถเข้าถึงท่านได้นั่นคือจะต้องผ่านความภักดีและการอุทิศตนเท่านั้นเพราะท่านคือ ภักติคัมยา (ผู้เข้าถึงได้ด้วยความภักดี -ผู้แปล) ดังนั้นเธอจึงต้องมีความภักดีและการอุทิศตนในหัวใจ แต่ความภักดีและการอุทิศตนนั้นจะต้องสะอาดบริสุทธิ์ผ่านหัวใจที่ไร้มลทิน ดังนั้นหัวใจจึงควรได้รับการดูแลให้สะอาดผ่องแผ้วอยู่เสมอ

การจะรักษาจักรหัวใจให้บริสุทธิ์อยู่เสมอเป็นเรื่องยาก มนุษย์มีความเข้าใจความจริงในเชิงเปรียบเทียบ ในขณะที่สัจจะหรือความจริงเป็นเรื่องสมบูรณ์ ดังนั้นการจะเข้าถึงความจริงได้เธอจะต้องขจัดความไม่บริสุทธิ์ต่างๆ ที่อยู่ในใจออกไป ในตอนเริ่มต้นเราพยายามที่จะเข้าสู่การรู้แจ้งผ่านหัวใจที่ยังไม่บริสุทธิ์นัก ตอนนั้นเรายังมีความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งผิดๆ อยู่ เราคิดว่าเมื่อรู้แจ้งแล้ว เราจะกลายเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจหรือผู้วิเศษ หลังจากได้รับการตระหนักรู้แล้วเราก็เริ่มสนใจในสิ่งที่ไร้สาระเล็กๆ น้อยๆ เราเริ่มขอพรเรื่องครอบครัว บิดา มารดา สามี ภรรยา บุตรธิดา พี่ชาย น้องสาว ญาติพี่น้องวงศาคณาญาติ เพื่อนฝูง เราขอพรให้กับคนที่เรามีสายสัมพันธ์เกี่ยวข้องด้วยเท่านั้น แม่รู้ว่าเธอจะก้าวผ่านพันธะแห่งสายสัมพันธ์เหล่านี้ไปได้ในไม่ช้า ตอนนี้หน้าที่ของอวตารคือการทำให้ผู้ภักดีหรือศิษย์ของท่านสมความปรารถนา เช่น เมื่อศรีกฤษณะได้รับการร้องขอจากศิษย์ให้มาประทับอยู่กับศิษย์ทุกคนแต่ละคน ดังนั้นศรีกฤษณะจึงได้แบ่งร่างเป็นหลายๆ องค์เพื่ออยู่กับศิษย์ทุกคนตามคำขอ เช่นนี้แม่ถือเป็นความปรารถนาที่ศักดิ์สิทธิ์

แต่เมื่อพวกเธอขอให้แม่ช่วยเหลือญาติพี่น้อง ครอบครัวของเธอ แม่ก็พยายามช่วยอย่างถึงที่สุด รวมทั้งความสุขสบาย (Kshema) จากแม่ เรื่องอาศรมของเธอ และความปรารถนาอื่นๆ ด้วย ในระดับของศรีกฤษณะนี่คือ Yoga-Kshema-Mahamyam ความสุขสบายจากแม่จึงอยู่ในการดูแลในระดับของศรีกฤษณะเพราะนี่คือคำสัญญา แต่ยุคต่อไปจะต้องมาถึง เมื่อเธอมีทุกสิ่งที่ต้องการแล้ว มีครอบครัวที่ดี มีอาศรมที่ดี มีงานดีๆ ทำ ทุกคนมีความสุขแล้ว ก็ถึงเวลาที่เธอควรจะนึกถึงยุคต่อไปของสหจะโยคะ

ยุคต่อไปเป็นยุคแห่งความเมตตากรุณา แต่จักรของเธอยังคงอ่อนแออยู่ แสงสว่างสีขาวจากการรวมกันของสีทั้งเจ็ดนั้นอาจถูกทำให้เลือนลางลงไปหรืออยู่ในสภาพที่ยังไม่สมบูรณ์ จักรทุกจักรภายในตัวเราจะต้องได้รับการดูแลอย่างดี เธอต้องตั้งสติและบรรจุความเมตตากรุณา–ความรู้สึกเมตตากรุณาลงในจักรเหล่านี้ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจักรของพระคเณศ เราต้องตั้งสติไปที่จักรนี้อย่างดี เราต้องขอให้ความคิดของเราเต็มไปด้วยคุณสมบัติของท่าน (ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา: ผู้แปล) เพราะการทำเช่นนั้นจะช่วยให้ความคิดของเธอประกอบด้วยคุณสมบัติของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังเช่นในขณะนี้ ด้วยความเคารพที่แท้จริงที่เรามีต่อพระคเณศสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้

เธอควรรู้ไว้ว่าในยุคแรกของสหจะโยคะ แม่ไม่สามารถพูดเรื่องละเอียดอ่อนเหล่านี้กับเธอได้ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก เธอจะต้องรวมความรู้สึกไว้ที่จักรมูลาธาระ โดยจักรมูลาธาระเปรียบเสมือนประเทศที่มีกษัตริย์คือพระคเณศเป็นผู้ปกครอง เมื่อเธอตั้งสติที่จักรนี้เธอจงส่งความรู้สึกแห่งความรักและความเคารพบูชาภักดีไปยังพระคเณศเพื่อเป็นการเริ่มต้น

และเพื่อแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมของความเมตตากรุณา เธอจงขอพรเพียงประการเดียวจากท่านเท่านั้น อย่าได้ขอพรอื่น พรนั้นคือ “ขอเทพแห่งความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาได้โปรดประทานความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาแก่มนุษย์ทุกคนในโลก” แต่ก่อนอื่นตัวเธอเองจะต้องมีความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเสียก่อนจึงจะมีสิทธิขอพรนี้จากท่าน ถ้าเธอเองยังขาดคุณสมบัตินี้เธอก็จะไม่มีสิทธิที่จะขอพร หากจะเข้าใจความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เธอต้องพยายามเข้าใจตัวเองก่อน เธอควรรู้ว่าความคิดของเธอกำลังทำงานอย่างไร เช่น เวลาที่เรามองใครสักคน เรารู้สึกอยากเป็นเจ้าของคนๆ นั้นหรือไม่ เรารู้สึกถูกดึงดูดอย่างไม่เหมาะไม่ควรโดยคนๆ นั้นหรือไม่ เรามีความคิดหยาบๆ เข้ามาในใจหรือไม่

สำหรับคนที่มีความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เมื่อเขามองดูผู้ชาย ผู้หญิง หรือธรรมชาติที่สวยงาม สิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือเขาจะเข้าสู่ภาวะจิตว่าง เมื่อปราศจากความคิดก็จะปราศจากความต้องการครอบครองเป็นเจ้าของหรือความคิดแบบหยาบๆ อื่นๆ หากเราอธิษฐานต่อพระคเณศ แม้ว่าเราจะยังไม่มีสิทธิที่ว่านี้อย่างเต็มที่ก็ตาม ว่า “กรุณาทำให้ข้าพเจ้าเป็นคนที่มีแต่ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เพื่อที่ข้าพเจ้าจะได้รับพลังแห่งท่านเพื่อที่ข้าพเจ้าจะสามารถแผ่รังสีแห่งความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาไปยังผู้คนทั้งปวง ขอให้ข้าพเจ้ากลายเป็นต้นกำเนิดแห่งความไร้เดียงสา ทุกหนทุกแห่งที่ข้าพเจ้าปรากฎตัวพวกเขาจะสัมผัสถึงความบริสุทธิ์ของข้าพเจ้า” เช่นนี้คือความเมตตากรุณา เป็นความเมตตาในการขอพรจากพระองค์เพื่อให้เราเองมีพลังแห่งความเมตตากรุณา

เมื่อเป็นเช่นนี้แสงประจำจักรต่างๆ จะเริ่มเคลื่อนที่ไปในแนวนอน (Horizontal) ระบบประสาทส่วนกลางของเราจะได้รับแสงสว่างนี้ส่งผลให้เรากลายเป็นความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอันทรงพลัง เราจะไม่ทำตัวโง่เง่าไร้สาระแบบเด็กๆ (childish) แต่เราจะเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ของเด็กไร้เดียงสา (childlike) เราจะมีบุคลิกภาพและความประพฤติที่สง่างามและเปี่ยมไปด้วยความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ปรกติคนที่ดูสง่างามจะขาดความไร้เดียงสาเพราะมีเจตนาที่จะทำตัวให้ดูสง่างามและเป็นผู้ใหญ่เพื่อสร้างความประทับใจให้กับคนอื่น ในขณะที่เด็กๆ กลับไม่ต้องใช้ความพยายามที่จะแสดงออกซึ่งความไร้เดียงสาหรือความสง่างามหรืออะไรทั้งสิ้นเพราะเด็กๆ ไม่มีเจตนาหรือความจงใจดังกล่าว ดังนั้นเราจะต้องพัฒนาคุณสมบัติที่หายากของการผสมสานระหว่างความสง่างามและความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่เรียกว่า ความสง่างามที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความไร้เดียงสา (innocent dignity) ให้เกิดขึ้นในตัวเรา

เมื่อคุณสมบัติอีกประการหนึ่งของพระคเณศเริ่มทำงานในระดับขยายวงกว้าง เธอจะเริ่มมีวิจารณญาณที่ดี แต่เธอต้องพัฒนาอำนาจแห่งวิจารณญาณ เธอจะต้องสามารถแยกแยะตัววิจารณญาณออกจากพลังของวิจารณญาณให้ได้ (Discretion and power of discretion) อำนาจหมายถึงการกระทำ ตัวอย่างเช่น ถ้าเธอยืนอยู่ที่ไหนสักแห่งเมื่อเกิดอันตรายขึ้นวิจารณญาณตัวนี้จะลงมือกระทำเอง แม้เธอจะไม่ได้พูดออกมา สมมติว่า สหจะโยคีที่ดีคนหนึ่งกำลังโดยสารรถไฟแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นบนรถไฟ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมันจะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้ามันเกิดขึ้นก็จะไม่มีใครเสียชีวิต เพราะพลังแห่งวิจารณญาณที่เธอมีจะเป็นผู้ลงมือกระทำเอง เธอไม่ได้เป็นผู้กระทำ แต่พลังอำนาจนี้ต่างหากเป็นผู้ลงมือ เธอเป็นเพียงยานพาหนะที่สะอาดและสวยงามของวิจารณญาณ เมื่อเธอรู้ว่าพลังของวิจารณญานเป็นผู้กระทำ เธอจงรู้ว่าเธอกำลังพัฒนาไปในระดับขยายวงกว้างแล้ว (horizontal)

ในยุคแรกของสหจะโยคะ พวกเธอจำเป็นที่จะต้องพบแม่แบบตัวต่อตัว เธอต้องการเป้าหมายที่ตั้งอยู่ตรงหน้า เธอต้องการให้แม่อยู่ตรงหน้าตลอดเวลาเพื่อที่เธอจะได้มีความสุข ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย และความเบิกบาน ต่อมาในยุคที่สอง ความต้องการที่แม่จะต้องอยู่ด้วยตลอดเวลาจะไม่มากเหมือนในยุคแรก แต่เธอจะแบ่งเบาภาระของแม่ นี่คือความปรารถนาของพระเจ้าที่แม่พูดถึง และพวกเธอจะต้องเริ่มปฎิบัติตามนับแต่วันนี้เป็นต้นไป แม่อยู่กับเธอตลอดเวลา แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในร่างนี้ แม่ไม่รู้ว่าแม่จะอยู่ในร่างนี้อีกหรือไม่ แต่เมื่อเธอเริ่มพัฒนาความปรารถนาอันบริสุทธิ์ขึ้นเธอจะได้พบกับปาฎิหาริย์อันยิ่งใหญ่ ตามธรรมชาติแล้วเมื่อทารกถือกำเนิดมารดาก็จะมีน้ำนมโดยอัตโนมัติ เพราะธรรมชาติคือการเชื่อมต่ออย่างแนบแน่นของทุกสรรพสิ่ง เมื่อเธอเป็นบุคคลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เธอจะค้นพบด้วยตัวเองว่านี่คือสัจธรรม ดังนั้นเธอจะพบแม่ได้ในทุกที่ เธออาจพบว่าแม่กำลังเดินอยู่ข้างๆ ในเวลาที่เธอเดินอยู่ตามท้องถนน เพราะว่ายุคที่สองได้เริ่มขึ้นแล้ว เธอไม่ต้องตกใจถ้าพบว่าแม่กำลังนั่งอยู่บนเตียงของเธอและวางมือลงบนศีรษะของเธอ หรือเธออาจพบแม่ในรูปของพระเยซู หรือ ศรีราม เดินเข้ามาในห้องของเธอ จงเตรียมตัวให้พร้อม สิ่งนี้น่าจะเกิดขึ้น

อันที่จริงแล้วมีปาฏิหาริย์หลายอย่างเกิดขึ้นกับเธอไปแล้ว แต่ในระดับที่หยาบกว่า เธอได้เห็นแสงสว่างแผ่ออกจากศีรษะของแม่หรือรูปถ่ายที่แสดงปาฏิหาริย์ต่างๆ แต่ยังมีอีกหลายอย่างซึ่งอยู่เหนือจินตนาการที่จะเกิดขึ้นกับเธอเพื่อทำให้เธอเชื่อว่าเธอได้บรรลุถึงการพัฒนาการทางจิตวิญญาณขั้นสูงในยุคใหม่ของสหจะโยคะ เพราะนี่คือสภาวะใหม่ที่เธอจะเข้าสู่ระดับที่ขยายออกในแนวราบ ในระดับนี้เธอจะเลิกร้องขอสิ่งต่างๆ ในระดับวัตถุ รวมทั้งการขอพรต่างๆ ในระดับที่ละเอียดอ่อนด้วย การร้องขอจะหมดไป และเธอจะกลายเป็นคนที่มีพลังอำนาจในตนเอง เธอก็รู้ว่าสิ่งที่แม่พูดทุกอย่างเป็นความจริงและเกิดขึ้นจริง ปัญหาอย่างเดียวก็คือ–แม่ไม่สามารถสั่งให้เธอพัฒนาได้ กุณฑลินีที่อยู่ในตัวเธอขณะนี้ได้กระทำการต่างๆ ไปพอสมควรแล้ว ตอนนี้งานเรื่องการแผ่ขยายความเมตตาให้ผู้อื่นนั้น เธอต้องเป็นผู้กระทำเอง เหมือนแสงที่ทวีความสว่างขึ้น และสว่างขึ้นเรื่อยๆ พื้นที่ครอบคลุมก็จะขยายใหญ่ออกไปเรื่อยๆ ในที่สุดเธอจะกลายเป็นผู้หยิบยื่นความเมตตากรุณาให้ผู้อื่น ครั้งที่แล้วแม่ขอให้เธอบำเพ็ญตบะ ด้วยการปล่อยวางอย่างแท้จริง เธอจะต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ในการแสวงบุญเพื่อไปยังปราสาทอันเป็นที่สถิตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้ นี่คือการปรากฎขึ้นแวบเดียวของตบะซึ่งเธอจงทำให้สำเร็จ เพราะแม่รู้ว่าพวกเธอบางคนจะต้องประสบปัญหาและความยุ่งยากนิดหน่อย บางคนก็ต้องพบกับความทุกข์บ้างในระหว่างทางแห่งการแสวงบุญของเธอ แต่การที่ได้เสี่ยงได้ผจญภัยบ้างก็น่าสนุกดีไม่ใช่หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้บรรลุถึงสถานที่ซึ่งเหล่ามารร้ายทั้งหลายไม่หาญกล้าที่จะเข้าไป
และถ้าเธอรู้วิธีที่จะสนุกกับความไม่สะดวกสบายต่างๆ เธอจงรู้ว่าเธอกำลังอยู่บนหนทางที่ถูกต้อง นอกจากนี้หากเธอเริ่มที่จะมีวิจารณญาณโดยอัตโนมัติ จงรู้ไว้ว่าเธอกำลังก้าวหน้าในทางจิตวิญญาณ
ถ้าเธอพบว่าตัวเองเต็มไปด้วยความสงบสุข แม้จะมีใครมาโจมตีแต่ความโกรธและอารมณ์ขุ่นมัวทั้งหลายกลับจางหายไปอย่างรวดเร็ว จงรู้ไว้ว่าเธอกำลังก้าวหน้าในสหะจะโยคะ
ถ้าเธอต้องพบกับอุปสรรคในชีวิตที่หนักหนาสาหัสซึ่งถือเป็นการทดสอบอย่างทรหดที่สุดแต่เธอกลับไม่มีความวิตกกังวลใดๆ จงรู้ไว้ว่าเธอกำลังก้าวหน้าในทางจิตวิญญาณ
เมื่อสิ่งจอมปลอมทั้งหลายไม่สามารถล่อลวงเธอได้อีกต่อไป จงรู้ไว้ว่าเธอกำลังก้าวหน้าในสหจะโยคะ เมื่อความสมบูรณ์พูนสุขทางวัตถุของคนอื่นไม่อาจทำให้เธอรู้สึกแย่ในรูปแบบใดก็ตาม จงรู้ไว้ว่าเธอกำลังก้าวหน้าในทางจิตวิญญาณ
เธอไม่อาจใช้ความพยายามใดๆ เพื่อจะกลายเป็นสหจะโยคี ไม่ว่าเธอจะพยายามสักแค่ไหนก็ตามก็ไม่มีทางที่จะทำได้ แต่เธอได้กลายเป็นสหจะโยคีโดยปราศจากความพยายามใดๆ ทั้งสิ้น นั่นจึงทำให้เธอกลายเป็นคนพิเศษ
ดังนั้นเธอแต่ละคนจึงควรเข้าใจว่าเธอเป็นคนพิเศษ เธอจงอ่อนน้อมถ่อมตนในประเด็นนี้ หลังจากนั้นด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนของเธอจะทำให้เธอบรรลุถึงบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือเธอจะได้รับพลังอำนาจซึ่งจะทำให้เธอเปล่งประกายความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา และยังมีวิจารณญาณ ท้ายที่สุดผลที่จะเกิดขึ้นกับเธอก็คือเธอจะกลายเป็นคนที่มีความเมตตากรุณามากขึ้น มีความอ่อนน้อมถ่อมตนมากขึ้น และมีความอ่อนหวานอย่างจริงใจมากยิ่งๆ ขึ้น และเมื่อนั้นเธอจงตระหนักว่า เธออยู่ในหัวใจของแม่

นี่คือสัญญาณของสหจะโยคีในระดับที่สูงขึ้นได้เกิดขึ้นแล้ว เธอจะพัฒนาอย่างรวดเร็วจนกระทั่งไม่ต้องทำสมาธิก็อยู่ในสมาธิ ไม่ต้องอยู่กับแม่ แม่ก็อยู่กับเธอ ไม่ต้องขอพรจากพระบิดา พระบิดาก็ให้พรเจ้า

แม่ขอต้อนรับเธอเข้าสู่ยุคใหม่ของสหจะโยคะ

ขอพระเจ้าประทานพรแด่เธอทุกคน