ศรี เทวี บูชา

San Diego (United States)

Feedback
Share
Upload transcript or translation for this talk

ศรี เทวี บูชา
ซานดิเอโก้, สหรัฐอเมริกา, ๓๑ พฤษภาคม ค.ศ. ๑๙๘๕ (พ.ศ. ๒๕๒๘)

ขอพระเป็นเจ้าอวยพรพวกคุณ

แม่มีความสุขมากที่ได้มาอยู่ในอาศรมที่ซานดิเอโก้ นี่คือสถานที่ที่งดงามมาก และได้แสดงออกอย่างมากมายถึงความรักของพระเป็นเจ้า ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในรูปแบบที่ท่านต้องการช่วยพวกคุณในทุกๆ ขั้นตอน ถ้าพวกคุณอยากมีอาศรม หากพวกคุณต้องการมีสถานที่ที่เหมาะสม หากพวกคุณต้องการดูแลลูกๆ เป็นอย่างดี หากคุณต้องการทำงานของพระเป็นเจ้า ทุกอย่างจะได้รับการดูแล ทุกอย่างจะถูกทำให้ปรากฏออกมา หากว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ปรากฏออกมาแล้ว พวกคุณจะทำงานกันได้อย่างไร? แล้วทุกอย่างก็สำเร็จลงได้ เห็นได้อย่างชัดเจนถึงหนทางที่ทำให้พวกเรามีอาศรมในที่ต่างๆ เหล่านี้ เป็นสถานที่ที่สะดวกสบายจริงๆ และในราคาเหมาะสมที่พวกเราสามารถจ่ายได้ พวกเราสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกันได้ นี่คือสถานที่อันถูกสร้างขึ้นจากความรักให้พวกคุณทุกคน

ดังนั้น เรื่องแรกที่พวกเราต้องจำไว้คือ พวกเราควรมีความรักอย่างสมบูรณ์แบบให้แก่กันและกัน พวกเราไม่ควรไว้ใจคนที่พยายามแบ่งแยกพวกเราออกจากกัน หรือคนที่พยายามมอบแนวความคิดผิดๆ ให้แก่เรา เราสามารถมองออกได้โดยไม่ยากว่าใครคือสหจะโยคีโดยหัวใจอย่างแท้จริง สามารถดูออกได้ไม่ยากเลย คุณต้องเป็นคนมีประสาทสัมผัสไวกว่านี้อีกเล็กน้อย แล้วคุณจะค้นพบคนแบบนั้นได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าอะไรก็ตามที่แฝงไว้ด้วยเล่ห์เหลี่ยมจะถูกค้นพบได้ ไม่มีใครสามารถมีพฤติกรรมต่อต้านพระเป็นเจ้าได้ เพราะทุกอย่างจะถูกค้นพบและปรากฏตัวออกมา

แต่พวกเราต้องตั้งสติที่คุณแม่ของพวกคุณอย่างสมบูรณ์ แต่บางคนก็ออกจะคลั่งไคล้ไปสักหน่อย เพราะพวกเขาเป็นพวกชอบยึดติด ไม่เป็นไร คุณก็จะดีขึ้นเอง แต่ความคลั่งไคล้ก็ดีกว่าความสงสัย ดังนั้น คนที่ทำอะไรมากเกินไปนี้ ควรปฏิญาณว่าจะมีชีวิตที่ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ตนเห็น ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ตนเข้าใจในสหจะโยคะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็จะยอมรับ โดยไม่มีความวิตกกังวลเลยแม้แต่น้อย

นี่คือประเด็น พวกเรามักสร้างภาพลักษณ์เกี่ยวกับสหจะโยคะของเราขึ้นมา พวกเราสร้างไม่ได้ มันเป็นของมันอยู่แล้ว พวกเราไม่สามารถสร้างภาพลักษณ์ของเรา เราคิดว่าสหจะโยคะควรเป็นเช่นนี้ สหจะโยคะควรเป็นเช่นนั้น เป็นไปไม่ได้ คุณไม่สามารถประนีประนอม ไม่เลย มันต้องเป็นในแบบที่มันเป็น ไม่สามารถเป็นสิ่งที่คุณนึกอยากให้มันเป็นได้ คุณจะหล่อมันขึ้นมาไม่ได้ เพราะว่ามันถูกกำหนดไว้ตั้งนานมาแล้ว และตอนนี้มันก็เป็นในแบบที่มันเป็น และนั่นคือเหตุผลที่มันทำงานออกมาได้ดีมาก มีประสิทธิภาพมาก แต่เพื่อให้มันทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณต้องยอมรับในการทำงานของมัน

อย่างเช่น ตารางเวลาของเมื่อวาน แม่รู้ว่าต้องมีอะไรสักอย่าง และเวลาก็ยังไม่พร้อม เวลาที่แม่ใช้ไปกับที่นี่จะต้องถูกใช้เพื่อการยกกุณฑาลินีของพวกเขา ไม่อาจเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น แม่ใช้เวลาห้านาที เพื่อให้การตระหนักรู้แก่พวกเขา ดังนั้น คุณควรเข้าใจทุกเรื่องในทำนองนี้ แล้วคุณจะค่อยๆ มองเห็นการละเล่นของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าทำงานออกมาอย่างไร ช่วยคุณอย่างไร

แต่หากสมมุติว่าพระเป็นเจ้าได้นำของบางอย่างมาวางไว้ต่อหน้าคุณ ดร.วอร์ลิการ์ได้เล่าเรื่องที่งดงามมากให้แม่ฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งน่าสนใจมากว่า ระหว่างเทวีแห่งทรัพย์สมบัติ และเทวีแห่งการศึกษา มีเรื่องขัดแย้งกันเล็กน้อย เราอาจกล่าวได้ว่า การศึกษาหรือพระแม่สรัสวตี หากว่าเราละทิ้งไปหรือชื่นชมมากเกินไป ก็จะทำให้เราเต็มไปด้วยอัตตา ในลักษณะที่ว่า หากคุณกลายเป็นคนที่เอาแต่เรียน เรียน เรียน คุณก็ถูกโยนไปยังด้านหนึ่ง

สุภาพสตรีท่านนี้ต้องการทดสอบอำนาจของทรัพย์สมบัติ จึงได้กล่าวแก่พระแม่ลักษมีว่า “พวกเรามาลองดูกันกับชายคนนี้เถิด” ชายคนนี้เป็นขอทาน เขาต้องการเงินเป็นจำนวนมาก ดังนั้น พระแม่ลักษมีจึงใส่เงินจำนวนมากลงในภาชนะที่ใหญ่มาก ซึ่งเราเรียกว่า ฮันดา (handa) และวางไว้บนทางที่เขาจะผ่าน ขณะที่ชายผู้นี้กำลังเดินอยู่ พระแม่สรัสวตีได้เข้าไปสู่จิตใจของเขา เมื่อพระแม่สรัสวตีเข้าไปในใจเขาแล้ว เขากลายเป็นคนที่เต็มไปด้วยอัตตาและไม่แม้แต่จะมองสิ่งนั้น เขาแค่เดินผ่านไป นี่คือสิ่งที่เขาต้องการแต่เขาก็เดินผ่านไป

เรื่องนี้บอกสิ่งหนึ่งกับเรา นั่นคือเมื่อคนเต็มไปด้วยอัตตา เริ่มวางแผนของตนเอง เริ่มสร้างคำแนะนำของตนเอง สร้างภาพลักษณ์ของตนเอง และสิ่งที่ตามมาก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้พยายามจัดหาสิ่งที่คุณจำเป็น สิ่งที่คุณต้องการ การแก้ปัญหาในชีวิต ย่อมอันตรธานหายไป นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเราไม่ยอมให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดำเนินไปตามการละเล่นของท่าน ที่กล่าวถึงนี้ไม่ได้หมายเฉพาะในระดับของวัตถุเท่านั้น เป็นความจริงในระดับของอารมณ์ความรู้สึกด้วย เป็นความจริงในระดับของร่างกายด้วย และที่ดีที่สุดก็คือเป็นจริงในระดับของจิตวิญญาณเช่นกัน ดังนั้น พวกเราไม่ควรหลงประเด็น ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เล่นบทบาทของท่าน และพวกเราก็จะได้เห็นการดูแลจัดการของท่าน

อย่างที่พระกฤษณะได้กล่าวว่า “กรฺมณฺเยวาธิการสฺเต” “เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องทำหน้าที่” (จากภควัทคีตา อัธยายะที่ ๒ โศลกที่ ๔๗) ตอนนี้พวกเราทำบูชาแล้ว ทำอารตีแล้ว แม่ได้พูดว่า “ไม่เป็นไร ถ้าพวกเราทำได้ แต่ถ้าทำไม่ได้แม่ก็จะนั่งเครื่องบินเที่ยวเย็น” แม่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นปัญหา ไม่ว่าจะนั่งเครื่องบินตอนเช้า หรือเครื่องบินตอนเย็น ไม่เป็นปัญหาเลย แม่รู้สึกผ่อนคลายอย่างที่สุด เราได้ถกเถียงกันถึงประเด็นสำคัญที่ต้องยกขึ้นมาพูด อาจต้องใช้เวลากับเรื่องนั้นบ้าง แต่ก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ นี่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเรา ดังนั้น แม่จึงไม่ได้วิตกกังวล ว่าแม่ต้องไปให้ทันเครื่องบินตอนตีหนึ่ง ไม่เป็นไร แม่จะไปเครื่องบินเที่ยวกลางคืน แม่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันต่างกัน

ดังนั้น ขอให้พวกเรามีจิตใจที่ผ่อนคลาย เพื่อจะมองดูว่า เรื่องต่างๆ เข้ามาหาเราได้อย่างไร โดยไม่จำเป็นผู้คนก็ (ภาษามราฐี)

ตอนนี้ เมื่อพวกเราเข้าใจว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีการละเล่นที่สมบูรณ์แบบของท่าน มีการทำงานของท่าน ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังทำงานเพื่อพวกเรา เพื่อพวกคุณผู้เป็นสหจะโยคี เมื่อคุณตระหนักถึงสิ่งนี้ คุณจะรู้สึกผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์แบบ และอยู่ในปีติสุข แต่เมื่อคุณเริ่มที่จะ “โอ้ มันควรจะเป็นอย่างนี้ มันควรจะเป็นอย่างนั้น” ทุกอย่างก็จะต่อต้านกับความปีติสุข ไม่ว่ามันจะมาอย่างไรก็ไม่เป็นปัญหาทั้งสิ้น เมื่อใดที่คุณสร้างทัศนคติเช่นนี้ ปีติสุขเบิกบานก็จะสมบูรณ์แบบ

แม่เคยเห็นเช่นกัน ในชีวิตที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก พวกคุณต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก เหตุผลก็คือคุณเริ่มคิดในทุกๆ เรื่อง ในอินเดีย วิธีการที่พวกเราแต่งงานกันเป็นสิ่งที่เรียบง่าย ตั้งแต่เป็นเด็กแล้วพวกเราถูกสอนมาว่า “เธอจะแต่งงาน ดังนั้น จงเรียนรู้ว่าจะอยู่กับสามีได้อย่างไร” และผู้ชายก็ได้รับการอบรมให้รู้จักวิธีการปฏิบัติต่อภรรยา แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าใครจะมาเป็นภรรยาหรือสามี สามีและภรรยาเป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ประเภทหนึ่ง พวกเขาไม่รู้ว่าจะเป็นคนไหน เพราะอาจจะเป็นคนไหนก็ได้ และเมื่อคุณยอมรับเธอด้วยหลักการของธรรมะ ก็จะกลายเป็นเรื่องตื่นเต้นสำหรับคุณ แล้วก็แค่สนุกสนานไปกับสิ่งนั้น และทุกอย่างก็ถูกสร้างขึ้นจนถึงจุดหนึ่ง จนถึงเวลาหนึ่งที่ต้องเป็นมงคลเช่นกัน แน่นอน พวกเขาปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญโหราศาสตร์ นั่นก็เป็นส่วนสำคัญ เพราะหากไม่ดูตามฤกษ์ ก็อาจจะเกิดภัยพิบัติบางอย่างได้เช่นกัน ดังนั้น พวกเขาจึงปรึกษากับทางโหราศาสตร์ และหากมีหลายจุดมากๆ กล่าวกันว่า ๒๖ จุดดีที่สุด พวกเขาก็จะแต่งงานกันไม่เช่นนั้นก็ไม่แต่ง ดังนั้น ไม่จำเป็นว่าพวกเราจะเจอกันหรือไม่เจอกัน บางครั้ง พวกเขาพบกันคุยกันเป็นเวลาหนึ่งปี แต่การแต่งงานก็อาจถูกเลื่อนออกไป ไม่สามารถหาฤกษ์ที่เป็นมงคล พวกเขาต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกันสักพัก แต่ไม่เคยจะเป็นไปในลักษณะสองต่อสอง พวกเขาจะไม่ไปไหนในลักษณะสองต่อสอง ดังนั้น ช่วงเวลานั้นถูกจัดให้เป็นช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ ช่วงเวลาที่คุณจะได้พบกับสามีหรือภรรยาของคุณ เป็นช่วงเวลาที่ศักดิ์สิทธิ์มาก คุณจะจดจ่ออยู่กับจุดนั้น

แล้วก็จะตัดสินใจอย่างฉับพลัน คุณจะเก็บช่วงเวลานั้นให้เป็นช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ บางครั้ง ก็อาจเกิดขึ้นได้ว่าในช่วงเวลาระหว่างนั้น มีหลายคนเหมือนกันหลังจากที่ตัดสินใจแล้ว เป็นไปได้ว่าคุณต้องการที่จะยังดูคนๆ นั้นต่อไปในระดับของความรู้สึก แต่หลังจากนั้น คุณก็จะไม่หันเหสติไปที่ไหน เป็นความพยายามที่จดจ่ออยู่อย่างสมบูรณ์แบบ มันเข้ากันได้ เพราะคุณยอมรับมัน

แต่ที่นี่ผู้คนอยู่ด้วยกันแล้วสามปี แล้วพวกเขาก็แต่งงานแล้วก็หย่า แม่หมายถึง แม่ไม่เข้าใจ แม้ว่าจะอยู่ด้วยกันแล้วสามปี เจ็ดปี หรือสิบปี แต่พวกเขาก็ยังทำตัวเหมือนเดิม แล้วการรู้จักกันมาหลายปีแล้วจะมีประโยชน์อะไร ก็ยังหย่ากัน? แต่ว่าคุณจะเข้ากันได้ ถ้าคุณเข้าใจว่า นี่เป็นการเคลื่อนที่ที่ต้องจดจ่อ ในที่ที่คุณต้องจดจ่อใส่ใจกับทุกอย่าง คุณได้พบกับเขาและยอมรับเขา ในฐานะผู้ร่วมเดินทางไปกับคุณ อาจมีสักคนสองคนที่ล้มเหลว แต่หากคุณไม่คิดถึงคนเหล่านี้ ก็ไม่ได้มีความล้มเหลวมากนัก เพราะหลังจากแต่งงานแล้ว คุณเริ่มคิดว่า “โอ้ ฉันหวังไว้อย่างนี้ ฉันหวังไว้อย่างนั้น ฉันคิดว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ มันต้องไม่เป็นอย่างนี้” และชอบจับผิดกันและกันเสมอ ไม่ใช่จับผิดตนเอง – นั่นคือส่วนที่ดีที่สุด, ไม่ได้มองว่าตนเองพยายามปรับตัวให้เข้ากับคนคนนั้นอย่างไร เมื่อคุณเริ่มคิดถึงชีวิตแต่งงาน การแต่งงานก็เสร็จสิ้นแล้ว เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับเด็กจะมาเกิดกับคุณ โดยไม่ต้องคิดว่าเด็กประเภทไหนจะมาเป็นลูกของเรา คุณก็รักลูกของคุณได้ เช่นเดียวกับชีวิตแต่งงาน คุณต้องพัฒนาความรู้สึกที่จดจ่อประเภทนั้น เมื่อเป็นอย่างนั้นเท่านั้น ชีวิตแต่งงานจึงประสบความสำเร็จ

แต่ที่นี่ อย่างที่คุณเห็นเป็นเหมือนกับคุณซื้อของสักอย่าง คุณซื้อของบางอย่าง แล้วคุณคิดว่า “อืม ของชิ้นนี้ไม่ดีเลย ฉันควรซื้ออีกอันหนึ่ง น่าจะได้ดีกว่า” อย่างนี้ อย่างนั้น แล้วคุณก็ไปหาอีกอันหนึ่ง ของต่างๆ ย่อมแตกต่างกัน สิ่งของก็คือสิ่งของ มนุษย์เป็นสิ่งที่มีชีวิต ไม่ใช่เป็นเพียงวัตถุ ที่คุณจะสามารถเปลี่ยนจากอันนี้เป็นอันนั้น “ฉันน่าจะมีอันนั้นหรืออีกอัน” คุณทำแบบนี้กับมนุษย์ไม่ได้ คุณกำลังเล่นอยู่กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์

และนี่คือประเด็นหลักที่พวกเรารู้สึกว่า สหจะโยคีต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับ ด้วยความสุข ด้วยความเบิกบาน และไม่มีความคิดที่ไร้สาระ เมื่อนั้น คุณเท่านั้นที่จะพบว่า ปีติสุขของตนเต็มเปี่ยมโดยสมบูรณ์ มิเช่นนั้น ปีติสุขก็จะไม่สมบูรณ์ หากคุณมองมาที่ด้านของกายภาพ ตัวอย่างเช่นที่นี่ ถ้าผู้หญิงผอมมาก เธอจะต้องการให้มีขาแบบนี้ มือแบบนี้ ร่างกายแบบนี้ ทำไมกัน? แม่หมายถึง ลองจินตนาการดูว่า ทุกคนอยู่ในกองทหารที่ต้องมีรูปแบบจำเพาะเหมือนๆ กัน ต้องดูแลเอวให้เป็นแบบนี้ ต้องทำสิ่งนี้ให้เป็นแบบนี้ เป็นเรื่องที่แย่มาก พวกคุณจะรู้สึกเหนื่อยและท้อแท้กับสิ่งนั้น แต่คุณก็อยากเป็นเช่นนั้น

ตอนนี้ แฟชั่นด้านร่างกายเข้ามาในลักษณะนั้น พวกเราควรจะเป็นมิสเตอร์อเมริกา หรืออะไรก็ตามที่พวกเขาเรียกกัน ทุกคนก็ออกไปวิ่งจ๊อกกิ้ง ทุกคนวิ่งเหมือนเสียสติ ทำไปทำไม ทุกคนมีบุคลิกภาพของตนเอง รักษามันไว้ คุณจำเป็นต้องมีของบางอย่างสำหรับร่างกายในแบบที่คุณเป็น แน่นอน หากสุขภาพของคุณไม่ดี ก็ขอให้ลองดูจักรของคุณแล้วรักษามัน แต่สำหรับรูปลักษณ์ภายนอก การที่คิดว่า “ฉันควรจะหน้าตาอย่างนี้ ควรจะเป็นอย่างนั้น” แท้จริงแล้วไม่ได้ทำให้เกิดความแตกต่างเลย

อีกครั้ง ที่ความลุ่มหลงอีกชนิดหนึ่งเริ่มขึ้น ผู้คนก็ไม่มีความสุข พวกคุณไปยังกลุ่มชนชั้นที่ถูกเรียกว่าร่ำรวยและมีอภิสิทธิ์ที่ที่ผู้ชายส่วนใหญ่มีรายได้สูงมาก มีการศึกษาเป็นพวกคนระดับสูง ผู้หญิงก็มีการศึกษาและอื่นๆ เช่นเดียวกัน และสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันมีเพียงแค่ คุณกินแคลอรี่ไปเท่าไหร่แล้ว หรือเรื่องนั้นเรื่องนี้ คุณไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนี้? แท้จริงแล้วพวกเขาอยู่ในระดับที่ต่ำมาก นี่เป็นการพูดคุยที่สุภาพ และหากพวกเขาจะพูดกันแบบไม่สุภาพ พวกเขาก็สามารถไม่สุภาพถึงในระดับไหนก็ได้ นี่แสดงว่า ไม่มีวิวัฒนาการใดๆ ในตัวคนผู้นั้น พวกเขาเพียงแค่คิดบนพื้นฐานของเงื่อนไขเหล่านั้น และนั่นคือเหตุผลที่พวกเขาจริงจังกันมาก พวกเขาอภิปรายกันอย่างจริงจังมากในเรื่องนี้ คุณจะอยากหัวเราะใส่พวกเขา ให้กับความโง่ของพวกเขา สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดได้รับการยอมรับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากในประเทศอย่างอเมริกา หรือในประเทศอื่น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีคนประเภทไหนอาศัยอยู่

แม่หมายถึง ในอินเดียไม่มีใครกังวลจนเกิดเหตุเกี่ยวกับรูปร่าง อย่างน้อย ในคนรุ่นอายุเดียวกับแม่ไม่มีใครชอบเด็กผู้หญิงตัวผอม เพราะพวกเขาคิดว่าเด็กพวกนี้ต้องเป็นคนขี้โมโห อารมณ์ร้อน เอาแต่คิดตลอดเวลา พวกเขาไม่ชอบเด็กผู้หญิงผอมๆ แม่บอกได้เลย แม้แต่ตอนนี้ สามีของแม่ก็ไม่ชอบ เขาพูดว่า “ดูสิ ผู้ชายมักทำให้ผู้หญิงโง่เขลา และนั่นคือเหตุผลที่ผู้หญิงทำอะไรพวกนี้” ดูสิ เขาเป็นผู้ชายที่เรียบง่าย เขาจึงคิดว่าผู้ชายทำให้ผู้หญิงดูโง่เขลา มันเป็นแบบนั้น แล้วผู้หญิงก็ทำให้ขาของตนเป็นแบบนี้ หรือฟันเป็นแบบนี้ หรือจมูกเป็นแบบนี้ แล้วก็ทำจมูกพลาสติกใส่ลงไป ทำไมกัน?

ดังนั้น ความไม่สมดุลทางกายภาพเกิดขึ้นเมื่อพวกเราเริ่มคิด เพราะว่าเมื่อพวกเราคิด เราก็จะปะทะกับอีกความคิดหนึ่ง แล้วพวกเราก็สร้างความคิดแบบทั่วไป แล้วก็ยอมรับรูปแบบแบบทั่วไป เมื่อยอมรับกันแล้ว ผู้คนก็พูดว่า “โอเค มาทำแบบนั้นกันเถอะ” ตอนแรกพวกเขาใส่เสื้อที่คับมากๆ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาอวดให้แม่ฟังว่า ตนใส่เสื้อตัวนี้มาแปดวันแล้ว และตอนนี้ก็ถอดไม่ออก
แม่ถามว่า “เธอทำได้อย่างไร?”
เธอตอบว่า “เป็นเสื้อที่คุณใส่แล้ว กระโดดลงไปในถังน้ำ แล้วเสื้อก็จะหดจนถอดไม่ออก อาจจะอาบน้ำ พร้อมกับมันไปเลย หรืออาจทำอะไรๆ ก็ได้กับมัน”
แม่บอกว่า “มันดูสกปรกมากเลยนะ”
“ไม่หรอกค่ะ เราอาจซักมันหรือเช็ดมันได้ค่ะ”
แต่แม่ก็ถามอีกว่า “ทำไมหนูถึงทำสิ่งที่จะทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตภายในมีปัญหา?”

ตอนนี้พวกเขาเริ่มทรมาน ดังนั้น ตอนนี้พวกเขาถึงมีเสื้อที่หลวมอย่างที่สุด เสื้อที่ทำให้ดูผอมเก้งก้าง ชุดลำลอง หรือของพวกนี้ พวกเขากระโดดจากสุดโต่งด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง เมื่อคุณยังคิดถึงมันไปเรื่อยๆ พยายามคิดค้นวิธีการใหม่ๆ

แต่สิ่งที่เป็นประเพณีสืบทอดต่อกันมานั้นต่างออกไป ประเพณีคือเมื่อผู้คนประพฤติตนตามประเพณีที่สืบต่อกันมา แท้จริงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือ คนที่มีสำนึกรู้เท่านั้นจึงสามารถกลายเป็นผู้ที่ประพฤติตามประเพณีที่สืบทอดกันมาได้ เพราะพวกเขาเข้าใจว่า สิ่งใดที่ควรละทิ้ง สิ่งใดไม่ควรละทิ้ง และพวกเขาพยายามที่จะเข้าใจถึงวิธีการที่เราจะเติบโตก้าวหน้า ไม่ใช่เพียงแค่ใช้ประโยชน์จากด้านใดด้านหนึ่ง แต่ว่าพวกเราต้องชั่งน้ำหนักทั้งสองข้าง และทำให้ตนเองอยู่ในสมดุลแล้วจึงเดินหน้าต่อไป และสิ่งใดก็ตามที่ควรละทิ้ง ก็ต้องทิ้งมันไป สิ่งใดที่ดีก็รับไว้ เหมือนกับที่คุณเรียกว่าธุรกิจแบบลองผิดลองถูก เมื่อคุณสร้างข้อผิดพลาด ไม่เป็นไร ทิ้งมันไป เมื่อทำผิดอีกก็ไม่เป็นไร ทิ้งมันไป แต่อะไรก็ตามที่เป็นสิ่งดี คุณรักษามันไว้และเดินหน้าไปกับมัน นั่นคือวิธีที่พวกคุณสร้างประเพณีที่เหมาะสมขึ้นมา เพื่อให้ผู้อื่นเดินตาม

แต่พวกคนที่คิดถึงสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา พวกเขาต้องการสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา แล้วก็ทำให้พวกเขาทำผิดพลาดอย่างมาก เมื่อเขาทำอย่างนี้ในสิ่งที่พวกเราเรียกว่า เรื่องโง่เขลา ด้วยสิ่งใหม่ๆ พวกเขาพาตัวเองเข้าไปสู่ความยุ่งเหยิงที่เลวร้าย และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริงกับประเทศตะวันตกส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะมีสิ่งใดใหม่ พวกเขาก็ลอง ตอนนี้ กระแสนิยมใหม่ คือโคเคน โอเค เสพโคเคน แม่หมายถึง แม้แต่แม่ก็ไม่ประหลาดใจ ถ้าเจ้าชายฟิลลิปจะเสพสิ่งนี้ หรือใครบางคนจะเสพสิ่งนี้ และถ้าคุณปฏิเสธที่จะลอง เขาจะถามว่า “ทำไมล่ะ” นี่คือปัญหาใหญ่ของความคิดแบบตะวันตก

ดังนั้น พวกคุณทุกคนก็ควรที่จะเข้าใจ อย่าลองสิ่งใหม่ในสหจะโยคะ สหจะโยคะคือมีรากฐานจากประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน อย่าได้ลองสิ่งใหม่ใดๆ ทั้งสิ้นในสหจะโยคะ ไม่ว่าอะไรก็ตาม พวกเรามีเกินพอแล้ว คุณไม่ต้องลองสิ่งใหม่ คนที่ลองสิ่งใหม่ๆ ตกอยู่ในปัญหานานาประการ ดังนั้น จงอย่าลองสิ่งใหม่

อย่างที่มีคนพูดว่า ในตอนนี้ แม่ได้ยินว่า ในลอนดอนมีคนที่เริ่มบรรยายและให้แนวทางใหม่ๆ ของสหจะโยคะ ไม่ทันไรพวกเขาก็กลายเป็นบ้า ไวเบรชั่นของพวกเขาเพี้ยนไปเลย แม่ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับพวกเขาดี แม่ค่อนข้างประหลาดใจ แม่ถามว่า “ทำไมพวกคุณถึงได้ลองวิธีการใหม่อย่างนี้? มีความจำเป็นอะไรที่ต้องลองวิธีการใหม่?” พวกเขาตอบว่า “พวกเราคิดว่า ควรจะลองวิธีนี้”

แต่แม่พูดว่า “แม่ได้บอกวิธีการทั้งหมดให้พวกคุณแล้ว พวกคุณได้ลอง ได้ทำจนตนเองสมบูรณ์แบบแล้วหรือยัง? ควรจะลองสิ่งที่แม่ได้บอกพวกคุณไปนะ หลังจากนั้น คุณสามารถถามแม่และเริ่มสิ่งใหม่ๆ ได้ แต่คุณต้องเข้าใจว่าพวกคุณกำลังทำอะไรอยู่”

และแม่มักจะเห็นสหจะโยคีระดับกลางทำแบบนี้อยู่เสมอ ลองวิธีการใหม่ๆ แล้วผลก็มักจะออกมาเป็นอย่างนี้ “ตอนนี้ ผมจะสอนถึงวิธีการโคจรลมหายใจ” จะโคจรลมหายใจไปทำไม? พวกเขาค้นพบวิธีการใหม่ในทันทีทันใด นี่เป็นเรื่องธรรมดา แต่ในบางครั้งอาจจะเป็นคนที่มุ่งร้าย ขอให้ระวังไว้ด้วย ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องลองวิธีการใหม่ๆ ตอนนี้คุณได้กระโดดเข้าไปสู่สติรู้ ที่ที่คุณเพียงแค่ ต้องมีความมั่นคง ดังนั้น ณ จุดนี้ อย่าลองสิ่งใหม่ เพียงแค่ทำตนเองให้มั่นคง มั่นคงในสมดุล นี่คือสิ่งที่สำคัญมาก

ประเด็นที่สองคือทุกคนควรที่จะมีความรอบรู้ในสหจะโยคะ แต่บางคนก็รอบรู้อย่างน่าขบขัน จนบางครั้งแม่ประหลาดใจ อย่างบางคนที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ หรืออะไรที่ไร้สาระพวกนั้น เขาบอกกับคนบางคนว่า “ใช่ครับ ดูสิ คุณแม่บอกว่า ไม่เป็นไรหากเป็นนานๆ ที” แม่ไม่เคยพูดอย่างนั้น แม่ไม่พูดอะไรทำนองนั้นแน่ๆ แล้วบางคนก็พูดว่า “ดื่มเหล้า ไม่เป็นไร คุณแม่บอก” แม่จะพูดได้อย่างไร? ไม่มีการประนีประนอมทั้งสิ้น บางคนพูดว่า “ไม่เป็นไร คุณอาจทำธุรกิจก็ได้” แม่ไม่เคยพูดอย่างนั้น ไม่ คุณทำไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ไม่เหมาะกับพวกคุณ คุณต้องไม่ทำเรื่องเหล่านี้เลย ถูกต้องไหม?
ดังนั้น ใครก็ตามที่แสดงออกถึงแนวความคิดดังกล่าว คุณจงบอกเขาว่า “ไม่ใช่แบบนั้นเลย” ไม่มีอะไรแบบนั้น ไม่มีการประนีประนอมในสหจะโยคะ ไม่มีการประนีประนอม ไม่ว่าวิธีการใดที่พวกเราได้เรียนรู้ ขอให้พวกเราปฏิบัติเพื่อที่จะยังตนเองให้ตั้งมั่นและทำให้ผู้อื่นตั้งมั่นด้วย คุณต้องรักษามารยาทของคุณ ขอบเขตของคุณ อย่าพยายามที่จะบิน บางคนคิดว่าพวกเขาเป็นสหจะโยคีที่ยิ่งใหญ่กว่า พวกเขาจะทำสิ่งนี้ พวกเขาจะทำสิ่งนั้น ขอให้จำไว้ว่า นี่คือสิ่งที่ผิด คุณต้องอ่อนน้อมถ่อมตน และจำไว้ว่า เมื่อคุณอ่อนน้อมตนลง คุณจะตระหนักได้ว่า มีเพียงคนที่อ่อนน้อมเท่านั้น ที่เป็นคนที่มีความมั่นคง

ดังนั้น จึงควรมีความอ่อนน้อมอย่างสมบูรณ์แบบ พยายามหาความรู้ให้มากขึ้นเกี่ยวกับสหจะโยคะ มีหลายหนทางด้วยกัน แม่ได้บันทึกเทปไว้ทั้งหมดแล้ว พวกเรามีหนังสือเกี่ยวกับสหจะโยคะที่ออกวางขาย และยังมีวารสาร “นิรมลาโยคะ” ของพวกคุณ มีหลายหนทางที่คุณจะสามารถเข้าใจสหจะโยคะได้ หากคุณไม่ใจเข้าก็ลองถามกันและกันได้ พยายามวิเคราะห์ อย่างที่คุณต้องการจะเข้าใจว่า คุณแม่กำลังพูดอะไร ท่านกำลังพูดอย่างนี้รึเปล่า เพราะว่าการบรรยายของแม่ใช้ภาษาที่เรียบง่าย แม่ใช้ภาษาที่เรียบง่ายที่สุด แน่นอนว่าหลีกเลี่ยงภาษาที่ใช้คำยากให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางครั้งแม่ต้องใช้คำยากๆ แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติ แต่เหนือสิ่งนั้นคือความรู้อันละเอียดอ่อนที่กำลังไหลรินออกมา ดังนั้น บางครั้งอาจพบว่ามันยากที่จะเข้าใจ คุณอาจจะพยายามเพิ่มเติมบางอย่างเข้าไป คุณอาจพยายามสร้างเรื่องราวบางอย่างขึ้นมา หากเกิดปัญหาใดๆ ขึ้นมา ก็ควรจะปรึกษากับคนที่คุณคิดว่าสามารถให้คำแนะนำคุณได้ แต่คุณต้องยอมรับคำแนะนำนั้น คุณไม่ควรจะใส่ความเห็นของคุณเข้าไปก่อน เพราะนั่นจะทำให้ผิดเพี้ยนไป คุณก็จะกลายเป็นเหมือนกับรถไฟตกรางที่วิ่งออกนอกราง

พวกเรามีรางในสหจะโยคะ คุณต้องรู้ไว้ ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม ไม่ใช่ประเด็นเรื่องอิสรภาพ แต่เป็นหนทางสู่ความก้าวหน้า คุณไม่สามารถเดินออกนอกทางนั้นได้ หากคุณคิดว่าคุณจะเดินออกไปสักหน่อย สนุกอยู่กับสิ่งสกปรกต่างๆ แล้วกลับเข้ามาสหจะโยคะ คุณจะไม่ได้รับการยอมรับ ถ้าคุณทำอย่างนั้น แม่เองก็ต้องทำงานหนักเพื่อชำระล้าง คุณต้องทำอย่างนี้ อย่างนั้น เพื่อรักษาให้ตนเองสะอาด คุณควรอยู่ในเส้นทางนั้นเสมอ และอย่าเดินออกไป อย่าพยายามที่จะหาสิ่งใหม่ๆ เพื่อทำอะไรบางอย่าง ที่ไม่จำเป็น คุณจะทำไปทำไม แม่หมายถึง เรื่องง่ายๆ คือ จงเข้าใจว่า สิ่งนั้นทำให้สูญเสียพลังงาน แม่ได้ค้นหาให้พวกคุณแล้ว ทำไมคุณต้องทำอีก?

อย่างเช่น เสื้อแบบนี้ แม่คิดว่า แม่ใส่มาแล้วห้าสิบปีหรือมากกว่านั้น เสื้อแบบนี้ตอนนี้ช่างตัดเสื้อของแม่รู้แล้วว่าแม่ใส่เสื้อแบบนี้ รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขามีขนาดตัวของแม่แล้ว ดังนั้น แม่เพียงแค่บอกเขาว่า “ขอให้ใช้ผ้าชนิดนี้ แล้วตัดเสื้อให้ดิฉันหน่อย” แล้วเขาก็ทำ เป็นเวลาหลายปีแล้ว ที่แม่มี ๒๕ ปีแล้ว ที่แม่มีช่างตัดเสื้อหนึ่งคนทำงานให้แม่ เขาไม่ต้องปวดหัว แม่ไม่ต้องปวดหัว ไม่มีปัญหาเลย ถ้าในทุกๆ วัน แม่ต้องเปลี่ยนรูปแบบ ทำแขนเสื้อแบบใหม่ และมีเสื้อแบบใหม่ๆ แม่ก็จะปวดหัว แม่จะบอกให้

ทำไม ทำแบบนั้นทำไม มีประโยชน์อะไร ใครจะมอง ใครจะได้รับอิทธิพลจากเสื้อของแม่ พวกเรากำลังสิ้นเปลืองพลังงาน ไปกับเรื่องเหล่านี้โดยไม่จำเป็น แต่แม่ก็ไม่ได้บอกว่า คุณควรต้องทำตัวแบบทหาร ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด แต่แม่หมายความว่า ที่ใดก็ตาม ที่คุณสามารถประหยัดพลังงานของความคิดได้ คุณก็ควรทำ สำหรับเรื่องเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องมีความหลากหลาย และประเทศนี้อย่างที่แม่ได้บอกคุณก่อนหน้านี้ ว่าก๊อกน้ำทุกอันต้องต่างกัน มือจับทุกอันต้องไม่เหมือนกัน กระเบื้องทุกแผ่นต้องต่างกันมีความจำเป็นอะไร? สิ่งที่ต้องแตกต่างกันคือสิ่งที่เป็นลักษณะของศิลปะ ส่าหรีต้องต่างกัน เพราะนี่คือศิลปะ แต่ว่าอะไรอยู่ในรอยเย็บของตะเข็บเสื้อล่ะ ไม่เกี่ยวกับศิลปะเลย ดังนั้น อะไรก็ตามที่เป็นศิลปะสามารถแตกต่างกันได้ แต่ว่าอะไรก็ตามที่เป็นไปตามวิสัยโลกนั้นไม่จำเป็น ในเครื่องจักรกลทำไมคุณต้องมีของประเภทต่างๆ กัน คุณอาจจะบ้าได้ คุณไปที่ร้านค้ามีของ ๒๐ ชนิด คุณไม่รู้จะซื้ออันไหนดีเพราะทุกอันทำจากเครื่องจักร นี่ก็ดี นั่นก็ดี แล้วมีอีกคนเข้ามา เขาพูดว่า “ไม่ดี” แล้วคุณก็รู้สึกไม่ดี สำหรับของที่เป็นไปตามวิสัยโลก ของยิ่งมีน้อยชิ้นยิ่งดี เพราะคุณไม่ต้องปวดหัวมากเกินไป

ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุด ให้หลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ทั้งหมด ก็คือการใช้สติรู้ของไวเบรชั่นอันเป็นสติรู้แบบใหม่นี้ ดังนั้น ขอให้ประหยัดพลังงานของคุณไว้ คุณต้องประหยัดพลังงานไว้ คุณสามารถประหยัดพลังงานได้ หากคุณไม่ไปตั้งสติกับสิ่งเหล่านี้ ซึ่งไม่ใช่ลักษณะของคุณ, ที่ที่คุณไม่ต้องไป เพียงแค่มองดูไวเบรชั่น ถ้าแม่ไปซื้อของ ตอนนี้แม่ไปซื้อของด้วยเหตุผลหลายอย่าง อย่างที่คุณรู้ หนึ่งคือเพื่อกระจายไวเบรชั่นแม่ที่นั่น อย่างที่สองก็คือให้ไวเบรชั่นกับคนที่อยู่ในตลาด สามคือเพื่อมองดูของทุกอย่าง เพื่อให้ไวเบรชั่นของแม่อยู่บนของเหล่านั้น สี่คือเพื่อซื้อของให้คนอื่น ถ้าแม่ชอบอะไร ก็ชอบเพราะไวเบรชั่นเท่านั้น แล้วแม่ก็จะซื้อกลับมา เพราะว่าแม่จะให้ของนี้แก่ใครบางคน หรือจะต้องมีไว้เพื่อทำอะไรสักอย่างทีหลัง แม่ก็จะซื้อมัน เก็บไว้เผื่อเอามาใช้สอยได้

ทัศนคติของคุณควรเป็นเช่นนี้ ในทางกลับกัน ถ้าคุณยังคง “ฉันชอบสิ่งนี้ ฉันไม่ชอบสิ่งนั้น” เกี่ยวกับภรรยาของคุณ เกี่ยวกับงานของคุณ ทุกอย่างของคุณ คุณจะไม่มีความมั่นคง ทุกวันนี้ในอเมริกา ผู้คนพากันทำตัวน่าขบขันเกี่ยวกับเรื่องงานของเขาเช่นกัน แม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ เพราะว่าพวกคุณกำลังจะเผชิญหน้ากับปัญหา วันนี้พวกเขาทำงานอย่างหนึ่ง “ฉันไม่ชอบงานนี้ ฉันไม่ชอบเจ้านาย” ในอีกงาน แล้วพวกเขาก็จะไปหางานใหม่ แล้วก็เปลี่ยนงาน แล้วก็งานที่สาม แล้วก็เปลี่ยนงาน พวกเขาชอบที่จะเปลี่ยน คุณก็รู้ ตลอดเวลา นั่นทำให้คนเป็นบ้า แม่ขอบอกไว้เลย เปลี่ยนภรรยา เปลี่ยนบ้าน เปลี่ยนทุกอย่าง ทำไม มีภรรยาคนเดียว นั่นดีกว่า มากที่สุด มีสองงานในชีวิต นั่นดีกว่า และอย่างมากที่สุดเปลี่ยนที่อยู่สามครั้ง นั่นดีกว่า แต่ถ้ามากกว่านั้นก็จะปวดหัว สำหรับแม่ แม่เปลี่ยนบ้านมาสี่สิบหลัง เพราะอารมณ์ที่แปรปรวนของสามีแม่ แต่แม่ต่างออกไป เพราะแม่เป็นคนที่ไม่เป็นทุกข์ร้อนกับความเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้น แต่พวกคุณไม่เหมือนกัน ดังนั้นจงอย่าปล่อยให้พลังงานเสียเปล่า นี่คือสิ่งที่สำคัญมากที่จะต้องทำความเข้าใจ อย่าเอาแต่เปลี่ยนงาน นี่คือสิ่งสำคัญ เพราะว่านั่นก็เป็นความบ้าคลั่งอย่างหนึ่งเช่นเดียวกัน

แม่ขอเล่าเรื่องของดักลัส เขาเคยทำอย่างนั้น ทุกครั้งที่เขามีปัญหาด้านการเงินก็เพราะเขาเปลี่ยนงาน วันหนึ่งแม่จึงดุว่าเขา แม่บอกว่า “ดักลัส ถ้าเธอเปลี่ยนงานนี้” – เพราะว่าแม่รู้สึกว่าไวเบรชั่นเรียบร้อยดี “ถ้าเธอเปลี่ยนงานนี้ เธอจะไม่พบหน้าแม่อีกเลย” และในวันนี้ เขามีบ้าน มีรถ เขามีเงินในธนาคาร เขากำลังไปได้สวย

นี่ก็เป็นเรื่องปวดหัวสำหรับแม่อีกเหมือนกัน “คุณแม่ ผมไม่มีงาน ไม่มีเงิน ผมจะทำยังไงดีครับ?” ทุกครั้งที่มีคนมาอินเดียพวกเขาจะพูดว่า “คุณแม่ ผมไม่มีเงิน ผมขอโทษครับ ผมจ่ายเงินให้ท่านไม่ได้” ไม่เป็นไร ไม่เป็นปัญหา ทุกครั้งต้องมีอย่างน้อยอย่างคราวที่แล้วก็มีห้าคน แต่ก่อนหน้านั้น แม่คิดว่ามีสักยี่สิบคน ดังนั้น ทุกครั้ง เรื่องมักจะเกิดขึ้นเช่นนี้ ดังนั้น ตอนนี้พวกเราต้องเข้าใจว่าพวกเราต้องมีงานที่เหมาะสม พวกเราต้องเป็นบุคคลที่น่าเคารพ พวกเราต้องมีคุณวุฒิที่เหมาะสม ถ้าเป็นไปได้ ควรที่จะหาคุณวุฒิพิเศษเพิ่มเติม พวกคุณทุกคนเป็นคนฉลาด และก็สามารถหาคุณสมบัติเป็นของตนเองได้ คุณควรจะเป็นบุคคลที่น่าเคารพยกย่องในสังคม ไม่เช่นนั้น พวกเขาจะคิดว่าแม่คนนี้เป็นแม่ของพวกขอทาน

ดังนั้น จงทำให้ตนเองมั่นคงในหน้าที่การงาน ในบ้านของตน การทำให้ตนเองมั่นคงนั้น คุณต้องเรียนรู้ที่จะไม่เปลี่ยน การเปลี่ยนแปลงทำให้เราไม่มั่นคง คุณเห็นประเด็นไหม ดังนั้น จึงไม่ต้องมีคำถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง “ฉันจะต้องผ่านมันไปให้ได้” แต่ว่าถ้าจำเป็น ถ้าไม่สามารถทำงานได้ ก็สามารถเปลี่ยนได้ สิ่งนี้สามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกอย่าง ตอนนี้ การไปหาคุรุคนโน้นที คนนี้ที ก็คือการเปลี่ยนแปลงนั่นเอง ยิ่งคุณมีคุรุมากเท่าไหร่ แม่ก็ยิ่งปวดหัวมากเท่านั้น ถ้าคุณมีเพียงคุรุคนเดียว สมมุติว่าเป็นคนที่แย่มาก ไม่เป็นไร สามารถชำระล้างได้ไม่ยาก แต่หากคุณมีสักยี่สิบ แม่ควรจะทำอย่างไร?

มีชายคนหนึ่งไปหาคุรุมาหลายคนมาก มากเสียจนแม่ไม่สามารถเข้าใจบุคลิกภาพของเขาได้ แม่บอกเขาว่า “เกิดอะไรขึ้นกันนี่?” ทุกปัญหา คุณตั้งชื่อมันและมันก็อยู่ที่นั่น แม่ถามว่า “คนคนนี้เป็นคนประเภทไหน?”

แม่จึงกล่าวต่อว่า “ไม่เป็นไร ให้เขียนชื่อคุรุทั้งหมดที่คุณเคยไปหามา” เขาเขียนเต็มทั้ง 2 ด้านของกระดาษฟุลสแก๊ป 3 แผ่น แม่พูดว่า “แม่ขอโทษ แต่แม่ช่วยคุณไม่ได้”
เขาตอบว่า “คุณแม่ ท่านต้องช่วยผม เพราะว่าตอนนี้มีปัญหาเร่งด่วนแล้ว”
แม่ถามว่า “ปัญหาเร่งด่วนอะไรรึ?”
“ผมกำลังจะกลายเป็นผู้หญิง”
แม่อุทานว่า “ฮ้า”
“หมอบอกว่า ผมกำลังจะกลายเป็นผู้หญิง”
แม่จึงตอบว่า “นั่นเป็นปัญหาเร่งด่วนจริงๆ” และกล่าวต่อว่า “แม่สามารถหยุดมันได้ แต่คุณต้องได้รับการชำระล้างขนานใหญ่”

บางครั้งเขาดูเหมือนหนุมาน บางครั้งดูเหมือนคนบ้า เขาเคยดูเหมือนอะไรหลายๆ อย่าง เพราะว่าคุรุมากมายในตัวเขาทำให้ออกมาเป็นอย่างนั้น ท้ายที่สุด เขาสามารถชำระตนเองได้สำเร็จ และสามารถแก้ปัญหาของตนเองได้ แต่แม้กระทั่งวันนี้ แม่ก็ไม่อาจพูดได้ว่าเขาเป็นสหจะโยคี แม้ว่าเขาจะได้รับการศึกษาดีมาก รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับภาษาสันสกฤต เพราะว่าเขาไปหาคุรุมามากมายเหลือเกิน ไปหาคุรุมาทุกรูปแบบ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะการเปลี่ยนแปลง – “มันผิดตรงไหน?” แต่เมื่อพวกเธอมาถึงสหจะโยคะแล้ว ขอให้หยุด หยุดอย่างอื่นทั้งหมด

นี่คือประเด็นที่สองที่แม่ขอเน้นย้ำ ว่าเมื่อพวกคุณเข้ามาในสหจะโยคะแล้ว ขอให้พุ่งสติมาที่แม่ และสหจะโยคะเป็นอย่างแรก แล้วถึงจะไปยังสิ่งอื่น ตัวอย่างเช่น ชาวคริสต์เมื่อเขามาฝึกสหจะโยคะ พวกเขาไม่สามารถยอมรับพระคเณศได้ คนอินเดียที่มาสหจะโยคะไม่สามารถยอมรับพระคริสต์ได้ คนมุสลิมที่มาสหจะโยคะไม่อยากเข้าร่วมพิธีบูชา ทุกคนเข้ามาพร้อมกับเงื่อนไขมากมายติดมาด้วย ดังนั้น จึงควรที่จะเข้ามาและวางมันไว้ที่เท้าของแม่ เท่านี้จบ ตอนนี้ขอให้หันกลับไป มองผ่านมุมมองของแม่ ผ่านตัวของแม่เข้าใจแบบนั้นจะดีกว่า และคนที่เข้าใจแม่ในแบบนั้น คือคนที่เข้าใจสหจะโยคะได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด เขาจะไม่มีความหลงงมงายในอดีต หรือความงมงายในสหจะโยคะด้วยเช่นกัน พวกเขาเข้าใจว่าทั้งหมดนี้คือสิ่งเดียวกับสิ่งที่แม่เป็น ไม่มีสิ่งใดที่ต้องไปยึดเกาะบนสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือสิ่งอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ถ้าคุณเรียกแม่ว่าเป็น พระแม่กาลี คุณกำลังสบประมาทแม่ หรือคุณเรียกแม่ว่า มาตาจี นิรมลา เทวี คุณกำลังยกแม่ให้สูงขึ้น ทุกอย่างอยู่ตรงนั้น

พวกเราทุกคนต้องเข้าใจว่า ทั้งหมดนี้มีความสัมพันธ์กับส่วนต่างๆ ของพวกเราเอง พระเป็นเจ้าไม่ได้แบ่งเป็นส่วนๆ ในลักษณะนั้น ไม่ใช่ว่าอเมริกาดำรงอยู่ในความคิดของท่าน หรือไม่ใช่ว่าทุกอย่างดำรงอยู่ในความคิดหรือว่าพวกเราดำรงอยู่แบบ “ตอนนี้ฉันเป็นเพียงจักรวิชุดดี” พวกเราดำรงอยู่อย่างนั้นหรือ? หรือว่า “ฉันเป็นแค่เพียงจมูกเท่านั้น” อย่างนั้นหรือ? พวกเราดำรงอยู่ในฐานะร่างกายทั้งหมด พระเป็นเจ้าก็เช่นกัน ท่านมีจมูก ท่านมีหู ท่านมีทุกอย่างเหมือนกัน แต่ท่านดำรงอยู่ในฐานะพระเป็นเจ้า ท่านไม่ได้ดำรงอยู่แต่เพียงจมูกแยกออกมา ไม่ได้ดำรงอยู่เพียงอเมริกาแยกออกมา แต่ท่านดำรงอยู่ในฐานะส่วนรวมทั้งหมด ทุกอย่างมีความสัมพันธ์กับส่วนรวม
และเมื่อเรื่องนั้นเกิดขึ้นกับพวกเรา เรื่องที่พวกเรามีความสัมพันธ์กับส่วนรวม กับผู้ดำรงอยู่แรกเริ่ม (Primodial Being) พวกเราจึงไม่ควรเชื่อมตนเองกับสิ่งที่ทำให้พวกเราอยู่ในวงจำกัด เพราะติดอยู่กับเงื่อนไขของพวกเราเอง ไม่ควรมีการจำกัดตัวเอง พวกเราควรอยู่ในการไหลเวียน แม่พบว่าเป็นเรื่องยากสำหรับคนคาทอลิก ที่จะบูชาพระคเณศแบบเดียวกับบูชาพระคริสต์ เพราะพวกเขาถูกล่ามไว้ด้วยเงื่อนไข ดังนั้นขอให้ลืมพระคริสต์ไปชั่วครู่ ปล่อยวางท่านไว้ลำพัง มาสู่สหจะโยคะ แล้วพวกคุณจะมองเห็นท่านในแสงสว่างที่แท้จริง เพราะว่านี่คือปัญหาที่ว่า ตราบใดที่คุณไม่เข้ามาภายในและมองให้เห็นด้วยตัวของคุณเองว่า ถนนทุกสายมุ่งสู่จุดหมายเดียวกัน ทุกทางนั้นเหมือนกัน ไม่ได้มีความแตกต่างกันเลย ก่อนอื่นเข้ามาด้านใน หยุดทุกอย่างไว้แล้วเข้ามาข้างใน แล้วคุณจะรู้ว่าทุกอย่างล้วนเหมือนกัน นี่คือสิ่งที่สำคัญมาก และเมื่อคุณสามารถมองเห็นแล้ว จะเป็นสิ่งที่สวยงามมาก ที่คุณไม่เหลือความสับสนใดๆ, ไม่เข้าไปอยู่กับลัทธิบางอย่าง หรือกับคุรุบางคน หรืออะไรบางอย่าง แม้แต่สิ่งที่เรียกกันว่า ศาสนา ก็ดูเหมือนเป็นลัทธิ ถ้าคุณจะมองดีๆ ทั้งหมดดูเหมือนลัทธิ พวกเขาเต็มไปด้วยเงื่อนไข พวกเขาไม่ได้ให้อะไรกับคุณเลยนอกจากเงื่อนไข และภาพลวงตา ดังนั้น พวกเราจะไม่ใช้ชีวิตอยู่กับภาพลวงตา พวกเราต้องอยู่กับความเป็นจริง และความเป็นจริงก็คือแก่นแท้ทั้งหมดนี้เป็นหนึ่งเดียวกัน และพวกเราก็ต้องอยู่ภายในแก่นแท้เหล่านั้น เพื่อที่พวกเราจะสามารถมองเห็นว่าแก่นแท้ทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียวกัน

นี่คือสิ่งที่สำคัญมากในประเทศอย่างอเมริกาเช่นกัน แม่รู้สึกเช่นนั้น เพราะว่ามีแนวความคิดที่กลับตาลปัตร เป็นแนวความคิดกลับตาลปัตรที่แม่ประหลาดใจ ทุกอย่างที่คุณตั้งนิยามชื่อให้ มีอยู่ในอเมริกา วันก่อนแม่พบสิ่งหนึ่ง ชื่อว่า มอร์มอน มอร์มอนหรืออะไรสักอย่าง มอร์มอน ตั้งชื่อให้แล้วมันจะอยู่ในอเมริกา แม่ไม่รู้ว่าความหลากหลายทั้งหมดนี้มารวมตัวกันที่นี่ได้อย่างไร คุรุทุกประเภทคุณค้นพบได้ที่นี่ แม่ไม่เคยได้ยินชื่อมากมายขนาดนี้เลย ทุกครั้งที่แม่มา แม่จะพบคุรุใหม่ๆ เสมอ ทำไมอเมริกาจึงเป็นสถานที่ที่สิ่งเหล่านี้เจริญรุ่งเรืองแบบนี้ เหมือนเห็ด เห็นไหม? เห็ดกำลังเติบโต มันเป็นของเน่าเสียใช่ไหม? มีเพียงเห็ดที่จะโตไปเป็นเชื้อรา ประเทศนี้กำลังเน่าเสียหรือ? เกิดอะไรขึ้น ทำไม? เป็นที่ความคิดของมนุษย์ ความคิดของมนุษย์ที่นี่ต้องการสิ่งใหม่ๆ เสมอ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้มีคนมาเสนอของใหม่ๆ ตลอดเวลา ผลที่ตามมาก็คือพวกเขาไร้ความมั่นคง ดังนั้น ปัญหาหลักของบุคลิกแบบอเมริกันคือ พวกเขาเป็นคนที่ขาดความมั่นคง

คุณถามเขาว่า “สบายดีไหม” พวกเขาก็จะพูดว่า จะเข้าใจอย่างไรก็ได้อย่างที่คุณอยากเข้าใจ พวกเขาไม่เคยพูดว่า “สบายดีไหม?” พวกคุณเข้าใจมันว่าอย่างไร? แม่หมายถึง คนอินเดียไม่สามารถเข้าใจได้ ถ้ามีใครสักคนพูดอย่างนี้ อย่างเช่นคนอินเดีย ถ้าคุณถามเขาว่า “สบายดีไหม?” แล้วเขาตอบอย่างนี้ พวกเขาก็ถามกลับว่า “คุณเสียสติรึเปล่า?”
แล้วถ้าคุณถามเขาต่อว่า “คุณเข้าใจไหม?”
เขาจะตอบว่า “ผมสับสน”

คนอินเดียจะไม่มีทางพูดอย่างนั้น “ผมสับสน” พวกเขาเป็นคนที่แน่ใจ “ผมสับสน” หมายถึง คุณสติไม่ดีหรืออะไร? ทำไมคุณถึงสับสน? มีอะไรผิดปกติกับสมองของคุณหรือ?

แนวความคิดทั้งหมดนี้ มีแนวโน้มส่งผลต่อความไม่มั่นคง ความฉาบฉวย ความตื้นเขิน พวกคุณถูกโจมตีทุกทิศทางจากความฉาบฉวย ถูกโจมตีจากทุกทิศทาง แม่เห็น จากทุกทิศทางโดยรอบจริงๆ สื่อต่างๆ สิ่งนั้นสิ่งนี้ ไม่ใช่อะไรเลย นอกจากความฉาบฉวย มันทำลายความสุขภายในของมนุษย์อย่างแท้จริง คุณอยากใช้ชีวิตกับมันหรือ แล้วคุณก็อยากจะคิดไปตามแนวทางนี้ แล้วคุณก็สูญเสียตนเองไป การเชื่อมต่อกับตนเองก็หายไปหมด

ภายใต้สภาวะแวดล้อมอย่างนี้ เราต้องรู้ถึงความจริงอันงดงามข้อหนึ่งว่า มีผู้แสวงหามากมายถือกำเนิดในประเทศนี้ ประเทศอเมริกาเป็นที่ที่แม่มาเป็นที่แรก และแม่แน่ใจว่าซานดิเอโก้เป็นสถานที่ที่จะเริ่มต้น แม่รู้สึกเช่นนั้น (ภาษามราฐี) และที่นี่คือสถานที่ที่สำคัญและแม่ก็ดีใจ แม่มีความสุขที่พวกคุณจัดงานบูชาที่งดงามนี้ และพวกเราควรทำบูชานี้ และแม่แน่ใจว่า ด้วยบูชานี้ พวกเราจะมีเวลา เวลาที่ดีเป็นพิเศษจะตามมา ที่ที่ในด้านหนึ่งพวกเรามีวิวัฒนาการของอเมริกา และอีกด้านหนึ่งของเม็กซิโก พวกเราสามารถทำให้สำเร็จได้จากซานดิเอโก้

เป็นวันที่สวยงามมากที่พวกคุณร้องขอบูชานี้ แม่มีความสุขมากกับเรื่องนี้ วันนี้เป็นวันของพระแม่เทวี (ภาษามราฐี) ตรโยทศี ตรโยทศีนั้นดีที่สุด วันที่สิบสาม (ภาษามราฐี) ดูไวเบรชั่นสิ พวกคุณไม่จำเป็นต้องมีบูชาอื่นอีก ไม่จำเป็นต้องมีบูชาจริงๆ (ไวเบรชั่น) มากพอแล้วสำหรับวันนี้ วันนี้เป็นวันที่ยิ่งใหญ่มาก และแม่ดีใจที่เขาขอให้มีบูชานี้ที่นี่

ดังนั้น ตอนนี้เริ่มด้วย… ตอนนี้ถ้าใครมีปัญหาหรือมีคำถาม คุณต้องบอกให้แม่รู้ มีเรื่องหนึ่งคือสหจะโยคีต้องไม่ใช่คนที่ดูขึงขังจริงจังนั่นเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่โยคีจะต้องขึงขังจริงจัง คุณควรจะยิ้ม หัวเราะ เบิกบาน ถ้าเป็นคนขึงขังจริงจัง เขาไม่ใช่สหจะโยคี แม่ไม่สามารถทำหน้าจริงจังได้เกินห้านาที มากที่สุดก็ห้านาที แม้แต่ตอนที่แม่จะต้องดุด่าใครสักคน แม่ต้องเตรียมตัว แล้วแม่ก็ลงมา แล้วก็ใช้เสียงดัง หลังจากนั้นห้านาที ถ้าแม่ไม่วิ่งหนี คุณก็จะเห็นแม่หัวเราะอีกครั้ง ทำไม่ได้ ทุกอย่างเป็นแค่เรื่องตลก

ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ไม่ควรจะขึงขังจริงจัง นั่นเรื่องหนึ่ง ไม่มีใครควรจะขึงขังจริงจัง คุณควรจะเป็นคนที่มีแต่รอยยิ้มและมีความสุขอยู่เสมอ เพราะว่าปีติสุขอยู่ในตัวของคุณจะมีอะไรอีก? เพียงแค่คิดว่า “ฉันไม่มีความสุข ฉันทุกข์ทรมาน” ดูสิ นั่นมันลักษณะของคนฝรั่งเศส คนฝรั่งเศส อย่างที่คุณรู้ตอนที่แม่ไปครั้งแรก พวกเขาบอกแม่ว่า “คุณแม่ครับ ท่านดูมีความสุขมากเกินไป” สำหรับคนฝรั่งเศส
แม่เลยถามว่า “แม่ควรทำอย่างไร?”
เขาตอบว่า “ท่านเห็นไหมครับ พวกเขาเป็นคนที่ชอบคิดว่าตนเองเป็นผู้ที่มีความทุกข์ทรมาน อย่างนี้อย่างนั้น”

แม่เลยตอบว่า “โอเค” แล้วแม่ก็เดินไปบอกกับพวกเขาว่า “ดูสิ พวกคุณเป็นพวกเล มิซเซราบล์ (Les Miserables) (คนอมทุกข์) วิกเตอร์ ฮิวโก้เขียนนิยายเรื่อง “เล มิซเซราบล์” แล้วแม่ก็พูดว่า “ไม่เป็นไร พวกคุณเป็น เล มิซเซราบล์ และแม่เป็นบุคคลที่ไม่เอาแต่อมทุกข์เลยแม้แต่น้อย และพวกคุณจะต้องมีความทุกข์แน่นอนหากบ้านทุกๆ สามหลังจะมีผับ ทุกๆ สิบหลังจะมีโสเภณี แล้วอะไรจะเกิดขึ้นล่ะ? คุณก็กลายเป็นคนอมทุกข์” นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น

แม้แต่โยคีมหาจันเคยบอกแม่ว่า “คุณแม่ พวกเราต้องการรูปของท่านที่ดูเคร่งขรึม หาได้ยากเหลือเกิน พวกเราต้องแสดงรูปหน้าที่ดูเคร่งขรึมจริงจัง” และในที่สุดเขาก็หาได้รูปหนึ่ง ที่ดูน่ากลัวมาก ตอนที่เขาบอกแม่ว่า “รูปนี้งดงามจริงๆ ท่านดูสงบนิ่ง” นี่ นั่น และสาธยายสารพัด ตอนที่แม่เห็นรูปนั้น แม่บอกว่า “มันดูน่ากลัวมาก”
เขาถามว่า “จริงหรือครับ?”
แม่ตอบว่า “ตกลงให้แม่บอกเธอดีกว่าว่าใครทำรูปนี้”
เขาถามว่า “ใครครับ?” แม่บอกชื่อเขาไปแล้วเขาก็ตะลึง
แม่บอกว่า “นั่นคือสุภาพสตรีที่เอามาให้เธอ เธอก็รู้นี่ว่าวันนี้เขาอยู่ที่ไหน” เขาตกตะลึงมากที่แม่บอกชื่อกับเขาว่าเป็น “เจน” แม่พูดว่า “นี่คือรูปที่เธอส่งไปให้คนอเมริกัน”

แต่แม่รู้ว่ารูปนั้นจะดึงดูดคนอเมริกัน เพราะพวกเขาเป็นพวกที่จมในกองทุกข์ แต่คนที่ถูกดึงดูดมาด้วยรูปอย่างนั้น จะหายไปในไม่ช้า พวกเขาไม่สามารถอยู่ได้ คุณไม่เข้าใจประเด็นนั้น พวกเขาไม่ใช่ประเภทที่จะอยู่ฝึกต่อไป

อย่างในสก๊อตแลนด์ แม่ไปที่นั่น แม่ก็เห็นรูปหนึ่ง แม่ตกใจมาก พวกเราไปที่ร้านอาหารที่ที่พวกเราจะรับประทานอาหาร แม่เห็นรูปของแม่ แล้วจึงถามว่า “ใครเป็นคนทำรูปนี้?”
พวกเขาตอบว่า “รูปนี้ถ่ายสำเนามาจากของคนออสเตรเลีย”
แม่ถามว่า “แต่ใครทำล่ะ? เพราะว่ามันไม่ดีเลย แย่มากๆ ด้วย”
เขาจึงตอบว่า “มีใครบางคนทำอย่างกระทันหัน” แม่บอกว่า “งั้นเดี๋ยวแม่จะบอกชื่อให้” แล้วแม่ก็บอก พวกเขาว่าใครทำ ฮิลารี่ พวกเขาทุกคนต่างตกตะลึง

แม่บอกว่า “รูปภาพนี้ไม่ดีหรอก” แต่พวกเขาติดรูปนี้ไว้ทั่วแล้ว แม่เลยบอกว่า “ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ” มีผู้คนมากมายมาที่โปรแกรมเป็นพวกดูน่าขำทุกรูปแบบ บางคนมีตาเดียว บางคนมีจมูกข้างเดียว บางคนก็มีอย่างอื่นผิดปกติหรือทุกอย่างหายไป “โอ้ พระเจ้า” แม่บอก “นี่คือผลลัพธ์จากรูปภาพนั้น” และไม่มีสักคนที่กลับมา ตอนนั้นเรามีสักห้าหรือหกร้อยคนมาที่โปรแกรมทุกคนเป็นอย่างนี้ (ภาษามราฐี) และไม่มีใครสักคนที่กลับมา ไม่แม้แต่คนเดียว ทั้งหมดเป็นพวกภูตที่ถูกดึงดูดโดยภูต แม่มองเห็นว่ารูปของแม่กำลังพยายามขับไล่พวกมันอยู่

ดังนั้น คนที่ถ่ายรูปของแม่ สะท้อนอยู่ในรูปนั้นด้วย พวกคุณต้องเคยเห็นแล้วว่ารูปของเรย์ถ่ายออกมาได้ดีมาก แม่ไม่เห็นรูปของเรย์ที่นี่ แต่รูปของเรย์เคยดีมากๆ แต่ตอนนี้เรย์มีภรรยาที่แปลกๆ แม่คิดว่านะ เขาไปอินเดียและคนอินเดียบอกแม่ว่า “คุณแม่ ผมไม่รู้ว่าเรย์คนนี้หมดสภาพถึงขนาดนี้ได้อย่างไร” ในอินเดีย เรื่องอย่างนี้จะไม่เกิดขึ้น เมื่อกลายเป็นสหจะโยคี พวกเขาจะดีขึ้น แต่คนคนนี้กลับตรงกันข้ามจะทำอย่างไรดี?”

เขาพูดว่า “คุณแม่เขาแย่ลงมากแล้ว ทำอย่างไรดี?”

แม่ตอบว่า “ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่นอน แต่จะทำอย่างไรดี?” พอแม่กลับมา เรย์เอารูปของแม่สามสี่รูปมาให้แม่ดู ตอนที่เขาโชว์ให้ดูนั้น ทุกคนต่างตกใจ “นี่ไม่ใช่รูปของคุณแม่” แล้วเขาก็ต้องทิ้งไป นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น เรย์คนเดียวกับที่เคยถ่ายรูปที่สวยงาม ตอนนี้กลับถ่ายรูปแล้วน่ากลัวขนาดนั้น

ดังนั้น ไม่ว่าอะไรที่คุณทำ ไม่ว่าอะไรที่คุณบรรลุผล คุณสามารถทำให้มันปรากฏได้ เมื่อคุณเป็นสหจะโยคีที่ดี คุณก็จะกลายเป็นคนที่ดูสง่างามมากในทันที คุณสามารถพูด, ด้วยความละเอียดอ่อน ทุกอย่างมาในกระแสที่เหมาะสม คุณสามารถทำออกมาให้เห็นได้, วิธีการอันเรียบง่ายของบุคคลดังกล่าว ยังให้เกิดความพอใจและผ่อนคลาย

ในประเด็นเหล่านี้ แม่ได้พูดครอบคลุมหลายอย่างที่แม่อยากจะพูด แล้วก็จบด้วยเรื่องนี้ แม่ขอกล่าวว่า ในฐานะที่คุณเป็นวิชุดดี คุณต้องกลายเป็นสากษี ประจักษ์พยาน (คำนี้เท่ากับคำ “สักขี” ในภาษาบาลี, ผู้แปล) คุณต้องกลายเป็นสักขีพยาน และการจะกลายเป็นพยานได้คุณต้องไม่ยึดติด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า คุณใช้ชีวิตอย่างยากจน แต่ขอให้พยายามไม่ยึดติด
ขอบคุณพระเจ้า ตอนนี้ประสบการณ์ของสหจะโยคีจากอเมริกาไม่แย่นัก มีพวกคนดีๆ พวกเขาปรับตัวเองได้ดี และมีปีติสุขเบิกบานกับตนเอง นั่นเป็นเรื่องดี แม่หวังว่าจะมีคนมามากขึ้นเรื่อยๆ และสามารถเบิกบานกับตนเองได้ และอย่างที่คุณทราบโปรแกรมใหม่ได้เริ่มแล้ว จะดีกว่าถ้าพวกคุณจะบอกเราว่าจะมาหรือไม่ แต่ก็อย่าเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย นั่นทำให้เกิดปัญหากับพวกเรา กับทุกคน โปรดอย่าเปลี่ยนใจ ถ้าคุณไม่มาก็ไม่เป็นไร จะบอกกำหนดวันไว้ ขอให้ตัดสินใจภายในเวลานั้น โปรดอย่าเปลี่ยนใจ ดูสิ มีแต่คนอเมริกันที่ทำอย่างนี้ ไม่ใช่คนอื่นเลย แล้วเราก็บอกคนอื่น “ตอนนี้ไม่รับเพิ่มแล้ว ลองให้โอกาสคนอเมริกันมามากขึ้น เราควรให้โอกาสมากขึ้นกับพวกเขา ดังนั้น คุณไม่ต้องมา”

น่าสงสารจริงๆ พวกเขามาแค่สิบวัน ห้าวัน เพราะพวกเราจัดเตรียมให้เขาไม่ได้ ดังนั้น พวกคุณไม่ควรเปลี่ยนความคิด ถ้าคุณจะมา คุณสามารถตัดสินใจได้ถึงจุดหนึ่ง ว่าจะมาหรือไม่มา หากจะไม่มาก็พูดแค่ว่า “ครับ ผมจะไม่มา” หรือถ้าคุณจะมาก็แค่พูดว่า “ครับ ผมจะมา” แล้วคุณก็ทำตามที่พูด อย่างน้อยคุณก็ไม่ควรจะเปลี่ยน

อีกครั้ง แม่ร้องขอให้พวกคุณทำตามตารางนัดหมาย เพราะมันสร้างความน่ารำคาญให้กับส่วนรวมทั้งหมด เพราะว่าตอนนี้พวกเรากำลังทำงานไปตามจังหวะของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพวกเราก็ไม่มีธุระกงการอะไรที่จะสร้างความรำคาญให้กับจังหวะนี้ คุณอาจจะเป็นอเมริกัน แต่อย่างที่คุณทราบดี ในสหจะโยคะคนอเมริกันไม่ได้ถูกจัดอันดับไว้สูงแต่อย่างใด คุณรู้เรื่องนั้นดี และเราคิดว่าคนอิตาเลียนดีกว่ามาก พวกเขามาเข้าสหจะโยคะเหมือนปลาเข้าหาน้ำ ดังนั้น คนอเมริกันต้องทำงานหนักกว่าเดิมสักหน่อย พวกเขาต้องทำมากกว่านี้อีกหน่อย เพื่อให้เกิดการปรับปรุงตัว

ควรทำอะไร? ประเทศนี้กว้างขวาง ผู้แสวงหามากมาย แต่พวกเขาถูกทำให้เสียหายหมดแล้ว แม่ควรจะทำอะไร? แม่ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว พวกคุณทุกคนควรจะช่วยกัน และเข้าใจถึงความยากลำบาก และคุณก็ต้องใจดีกับคนที่มาใหม่และช่วยปรับพวกเขาให้ถูกต้อง ดังนั้น พวกเราต้องคิดถึงความก้าวหน้าของพวกเรา โดยเริ่มจากซานดิเอโก้ จากมุมนี้ พวกเรากำลังจะมอบแสงสว่างแห่งการรู้แจ้งให้แก่ประเทศอเมริกาทั้งประเทศ

เพื่อวัตถุประสงค์ที่จะก่อให้ประโยชน์อย่างแท้จริง แม่ตัดสินใจว่า ดร.วอร์ลิการ์ควรจะดูแลฝั่งตะวันออก (ภาษามราฐี) – ฝั่งตะวันตกสำหรับพวกเรา, นิวยอร์กเรียบร้อยแล้ว, ไม่เป็นไร, และทางตะวันออกคือทางนิวยอร์กให้เขาจัดการ, เพราะว่าเหมือนกับเป็นสองประเทศ มีสิ่งที่ต่างกันในสองด้าน และเราจะจัดการอย่างนี้

เรื่องเงิน คุณควรจัดการกับเรื่องเงิน ตามการยินยอมของเขา แม่บอกเขาถึงวิธีที่แม่ใช้ว่า เงินฝากไว้ในธนาคารภายใต้ชื่อ ที่จดทะเบียนหรืออะไรก็แล้วแต่ พวกเขาเก็บรักษาสมุดเช็ค แต่แม่ต้องลงชื่อ ดังนั้น พวกคุณเก็บสมุดเช็คไว้ แต่เขาต้องลงชื่อ เขาจึงสามารถเห็นว่าคุณจ่ายอะไรไปบ้าง ก็จะเกิดการตรวจสอบตรงนั้น หรือไม่คุณก็ทำแบบเดียวกัน ให้เธอเก็บสมุดเช็คแต่คุณลงชื่อ คุณจึงรู้ได้ว่าเงินถูกจ่ายไปเท่าไหร่ ก็จะเกิดการตรวจสอบตรงนั้น แน่นอนตราบเท่าที่พวกคุณเกี่ยวข้องแม่รู้ว่าไม่เป็นไร, แต่…

ทำไมแม่ต้องทำหลายๆ อย่างเพื่อให้คุณเข้าใจ อย่างเช่น ถ้าคุณให้เงินในพิธีบูชากับแม่ แม่จะเก็บไว้ต่างหาก แม่ทำบัญชีไว้เฉพาะ ไม่จำเป็นเลย ใครจะมาถามแม่ ว่าแม่ทำอะไรกับเงินในพิธีบูชา? แต่แม่ก็ทำ แม่เก็บไว้ แล้วสิ่งที่แม่ทำกับเงินในพิธีบูชาก็คือ แม่ต้องการใช้สำหรับวัสดุในพิธีบูชาของคุณ ของในพิธีบูชา สำหรับของขวัญและอื่นๆ แม่จึงเก็บไว้ แม่ไม่จำเป็นต้องทำ นั่นมันเงินของแม่ อย่างน้อยนั่นเป็นเงินของแม่ แต่แม่ก็พอใจที่จะเก็บไว้ต่างหาก ดังนั้น พวกเราต้องรู้ว่า ถ้าแม่เข้มงวดกับเรื่องนี้ ทำไมเราจะไม่เข้มงวดบ้าง

คุณต้องให้เงินในพิธีบูชา ไม่ต้องสงสัย เพราะมันต้องเป็นเช่นนั้น ตอนแรกพวกเรารับแค่หนึ่งพี ต่อมาก็เพิ่มเป็น สองพี ห้าพี สิบพี มันเพิ่มขึ้นแบบนั้น และสำหรับบูชาเหล่านี้ สำหรับบูชาหลักที่พวกเราจะจัด ครั้งหนึ่งในนิวยอร์ก พวกเขาตัดสินใจว่าต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง นั่นเป็นการตัดสินใจของพวกคุณ แม่ไม่เคยพูดอะไร เพราะว่าแม่ขอเพิ่มขึ้นมาแค่ถึงหนึ่งปอนด์เท่านั้น แม่อยู่แค่นั้น แต่หลังจากนั้นแม่ไม่รู้ แม่มึนงงกับคนเหล่านี้ ดังนั้น ไม่ว่าอะไรที่พวกเขาตัดสินใจ มันก็เป็นอย่างนั้น กลายเป็นเงินที่เก็บรวบรวมไว้ภายใต้ชื่อของบูชา ซึ่งแม่ต้องรับไว้เพราะจักรนาภี คุณต้องทำด้วยหัวใจในแบบเดียวกับนางศะพารี (Shabari) แล้วทุกอย่างก็จะไปอยู่ในที่ที่เหมาะสม

ดังนั้น เราอาจกล่าวได้ว่า สหจะโยคะไม่ใช่สิ่งสุดโต่ง เราให้เงิน มีเพียงสหจะโยคีเท่านั้นที่บริจาคเงิน อย่างเช่น จ่ายค่าอาหารก็เป็นสิ่งที่คุณต้องจ่าย จ่ายให้กับบ้านซึ่งคุณต้องจ่าย คุณจ่ายเงินและคุณไม่ได้อยู่อย่างกาฝาก เราไม่ต้องการให้มีกาฝากอยู่รายล้อมพวกเรา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณปล้นสหจะโยคีจนหมดตัวและกลายเป็นยาจก แล้วก็สะสมโรลส์รอยส์ของตัวเอง

นี่ไม่ใช่อีกหนทางหนึ่งที่ผู้คนปล้นแม่ เราต้องเข้าใจว่าสหจะโยคะคือการให้และการรับในลักษณะที่เหมาะสม และจะต้องทำอย่างเหมาะสม ด้วยความสง่างาม ด้วยความเข้าใจ ด้วยความรู้สึกที่สวยงาม ว่าพวกเราเป็นส่วนย่อยของส่วนรวมทั้งหมด และอเมริกาเป็นผู้รับผิดชอบ, เพราะว่าอเมริกาต้องกลายเป็นวิราฏ วิชุดดีต้องกลายเป็นวิราฏ ช่างเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่

ดังนั้น จงอย่าทะเลาะกัน อย่าทะเลาะกันระหว่างสามีและภรรยา พยายามเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์แบบ มีความสนุกสนานร่าเริงกับกันและกัน นั่นคือสิ่งที่สำคัญมาก เข้าใจนะ

ดังนั้น ขอให้พระเป็นเจ้าประทานพรให้แก่พวกคุณ